สมเด็จพระจักรพรรดิโยชิฮิโตะ หรือ จักรพรรดิไทโช ทรงเป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระจักรพรรดิมุตสึฮิโตะ หรือ จักรพรรดิเมจิ ผู้ฟื้นฟูพระราชอำนาจของจักรพรรดิกลับมาและนำพาญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ผ่านการปฏิรูปเมจิ
เพื่อไม่ให้เนื้อหายืดยาวจนเกินไป แอดจะอธิบายให้คร่าวๆว่า ยุคไทโช นั้นเป็นยุคใหม่ของญี่ปุ่น มีการค้าระหว่างประเทศมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามา และเมื่อสงครามกลางเมืองยุคโนบุนากะ ใครเล่นเกมดูการตูนญี่ปุ่นจะร้องอ๋อ (ยุคอาซูจิ–โมโมยามะ 1582) ยุคที่พวกไดเมียวทั้งหลายเข้ารบรากันเพื่อความเป็นใหญ่ และจบลงที่ตระกูลของอิเอยาสึขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศ จากนั้นบ้านเมืองก็เข้าสู่ภาวะสงบสุข มีการเปลี่ยนแปลงอีก สถาบันโชกุนโดนล้มล้าง เพราะเข้าพวกกับฝรั่งมากเกินไป จนชาวบ้านไม่พอใจ และเข้าสู่ยุคเอโดะ หลังจากนั้นก็เกิดการปฎิวัติอุตสาหกรรม พอพวกตัวเองเริ่มจะมั่นคง จักรวรรดิ์ญี่ปุ่นก็เริ่มตีปีกสร้างกองทัพอันยิ่งใหญ่เพื่อขยายอาณาเขตด้วยการตีเกาหลี และตบจีน แต่เคราะห์ดีมาไม่ถึงไทย คาดว่าตอนนั้นป่าดิบชื้น ยุคเยอะมาก คิดจะเดินทางเท้า ไข้ป่ามาแน่นอน
ญี่ปุ่นในยุคเมจิสามารถเติบโตจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมและการยึดครองไต้หวัน
เกาหลี และแมนจูเรีย หลังจากรบชนะจีนในสงครามจีน-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 1 และสงครามญี่ปุ่น-รัสเซีย ทำให้เมื่อจักรพรรดิไทโชสืบราชสมบัติต่อจากพระบิดาเมื่อพระชนมายุได้ 33 ปี ญี่ปุ่นในยุคสมัยของพระองค์กลายเป็นยุคต่อเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในยุคเมจิ...
ยุคไทโชเต็มไปด้วยความขัดแย้งของผู้นำรุ่นเก่ากับคนแนวคิดทันสมัย จะเห็นได้ว่ายุคนี้เปลี่ยนรัฐบาลเป็นว่าเล่นเพราะผู้มีอำนาจในยุคนั้นต้องมีคนสนับสนุน ได้เริ่มต้นด้วย “วิกฤตการเมืองแห่งยุคไทโช” เกิดการเปลี่ยนตัวผู้นำรัฐบาลติดกัน 3 คน ภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งปี จักรพรรดิไทโชไม่อาจรักษาสถานะทางอำนาจของสถาบันจักรพรรดิเหมือนเช่นพระบิดา เพราะพระองค์ทรงมีพระพลานามัยอ่อนแอ ไม่สามารถบริหารบ้านเมืองได้สะดวก
อีกทั้ง แนวคิดประชาธิปไตยและเสรีนิยมจากตะวันตกได้กลายเป็นที่นิยมแพร่หลายในยุคไทโช ทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายต่อระบอบคณาธิปไตยที่นายกรัฐมนตรีมาจากการแต่งตั้งของจักรพรรดิตามคำปรึกษาของคณะรัฐบุรุษอาวุโส จะเห็นได้ว่าเมื่อประชาธิปไตยเริ่มเข้ามา อำนาจของจักรพรรดิ์เริ่มถดถอย จักรพรรดิ์จะสั่งประหารประชาชนแบบหมูๆเหมือนเมื่อก่อนทำได้ยากแล้ว เพราะประชาชนก็มีปืนเหมือนกัน แล้วต่างชาติก็เพ่งเล็งอยู่ ญี่ปุ่นจำเป็นต้องมีพันธมิตรเพื่อขยายอำนาจ
ยุคไทโชญี่ปุ่นมีอำนาจที่น่าเกรงขาม ด้วยการจับมือร่วมกับไตรภาคี (สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา) ทำให้ญี่ปุ่นสามารถแผ่ขยายอำนาจไปที่หมู่เกาะแปซิฟิกตอนใต้ และมีตำแหน่งเป็นสมาชิกถาวรของสันนิบาตแห่งชาติ สะท้อนให้เห็นได้ว่า ยุคไทโช คือ ช่วงที่จักรวรรดิญี่ปุ่นก้าวขึ้นสู่การเป็นมหาอำนาจของโลกได้อย่างแท้จริง
ด้วยเหตุนี้เองเหล่าผู้ทีมีฐานะดี ที่เดินทางพบปะกับชาวต่างชาติอยู่เสมอจึงมีโอกาสใส่ชุดสูท ผูกเน็คไท เพื่อให้ต่างชาติยอมรับ ชุดที่มุซันใส่หมวกขาว ใส่ชุดสากลเป็นการปรับตัวเข้ากับสังคม ซึ่งดูๆไปแล้ว มุซันน่าจะไม่ทำอะไรเลย นอกจากแต่งตัวโก้ๆ พาภรรยามนุษย์เข้าสังคมเพื่ออำพรางตัวเองมากกว่า ซึ่งทรงผมหยักซก เป็นเรื่องไม่ปกติเอาซะเลย เพราะผู้ชายยุคนั้นไม่นิยมการดัดผม การถูกกล่าวหาว่าเหมือน ไมเคิลจึงไม่แปลก ดูดูไปการแต่งตัวมุซันออกจะล้ำหน้ากว่าคนยุคนั้นมาก หล่อระดับราชาเพลงป้อบเลย ถึงกลับมีคนทำเกมมาล้อแบบฮาๆ หรือจับมุซันมาเดินมูนวอล์ค
การเปิดกว้างทางวัฒนธรรมที่มากขึ้นในยุคไทโช โดยการยอมรับวัฒนธรรมจากตะวันตกเข้ามาปรับใช้ในสังคมญี่ปุ่น จากแนวคิดที่พยายามทันสมัยทัดเทียมกับตะวันตก ในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาวัฒนธรรมต่าง ๆ ของตนเองไว้ ทำให้ยุคไทโชกลายเป็นยุคผสมผสานวัฒนธรรมระหว่างความดั้งเดิมกับความเป็นสมัยใหม่...ผู้คนหันมานิยมแต่งตัวทันสมัยตามแบบสากลตะวันตก ตึกรามบ้านช่างก่อขึ้นจากอิฐและปูน แม้แต่บ้านไม้ญี่ปุ่นยังมีการปรับรูปให้เข้ากับชีวิตสมัยใหม่ และยุคนั้นก็เริ่มมีรถไฟแล้ว จะเห็นได้จากในซีนตอนศึกรถไฟสู่นิรันดร์ ผู้คนในเมืองใช้รถไฟกันเป็นปกติ มีข้าวกล่องขายบนรถไฟ แต่คนบ้านนอกก็อาจจะยังไม่คุ้นอยู่ ยุคนี้มีอะไรใหม่ๆ ค่านิยมก็ถือตามตะวันตกมากขึ้น ผุ้หญิงมีโอกาสมากขึ้นด้วย นอกจากทำงานตามบ้านอย่างเดียว สังคมให้เกียรติผู้หญิงที่มีตำแหน่งงานสูงกว่า และสภาพสังคมมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จากการพัฒนาของแนวคิดทางสังคมและเทคโนโลยี
แต่แล้วยุคไทโชก็มีอันต้องจบลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในแถบที่ราบคันโตเมื่อกันยายน ค.ศ. 1923 ซึ่งแผ่นดินไหวครั้งนี้ครอบคลุมไปถึงกรุงโตเกียว เมืองหลวงของประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100,000 ราย และเกิดเหตุเพลิงไหม้ สร้างความเสียหายกว่า 3 ล้านครัวเรือน ความทะเยอทะยานของญี่ปุ่นในการเป็นมหาอำนาจจึงต้องสะดุดลง
พออำนาจรัฐสั่นคลอน มีการเปิดโอกาสให้กองทัพได้โอกาสเข้ามามีบทบาท จักรพรรดิก็ต้องการยึดอำนาจไปเป้นของตนจึงใช้อำนาจกดขี่ผู้เห็นต่างทางการเมืองกับกองทัพอย่างรุนแรง แต่แล้วจักรพรรดิก็สวรรคตเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 1926 ยุคไทโชจึงได้ปิดฉากลงด้วยเวลาเพียง 15 ปีเท่านั้นเอง
หลังยุคไทโช สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ พระราชโอรสของจักรพรรดิไทโช ทรงขึ้นครองราชย์และใช้ชื่อรัชสมัย โชวะ ซึ่งตอนต้นรัชสมัยของจักรพรรดิโชวะ กองทัพเริ่มเข้ากุมอำนาจเบ็ดเสร็จ สถาบันจักรพรรดิเริ่มกลับมามีอำนาจ เชิดชูพระจักรพรรดิในฐานะผู้กุมอำนาจสูงสุดผู้ใดจะละเมิดมิได้ ทำให้ประชาธิปไตยยุคไทโชถดถอยและล่มสลาย จากยุคประชาธิปไตยที่กำลังเบ่งบานก็ กลับเข้าสู่ยุคลัทธิทหารนิยมที่รุ่งเรืองถึงขีดสุด จักรวรรดิญี่ปุ่นจึงพยายามขยายอำนาจและนำจักรวรรดิญี่ปุ่นไปสู่การทำสงครามโลกครั้งที่สอง และผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่เรารู้กัน แต่หลังจากนั้นก็เป็นยุคใหม่ที่ชาวญี่ปุ่นวัยหนุ่ม สาวต้องทำงานอย่างบ้าคลั่งเพื่อฟื้นฟูประเทศจากการเสียหายในภาวะสงคราม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น