Funny game for your mobile

ผีจาก Mimic ที่มาจากตำนานผีญี่ปุ่นจริงๆ

        

       เกม Mimic ของ Roblox นั้น เป็น 1 ในเกมที่คนชอบเล่นเกมผีจะต้องเคยเข้าไปเยิี่ยมเยือน และ Mimic ก็เป็นหนึ่งในเกมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเกมหนึ่ง ผู้สร้างเกมนี้คือ Mucdich เขาเป็น 1 ใน Creator ของ CTS Studio เราจะเห็นว่าบรรดาผีในเนื้อเรื่องล้วนเป็นผีญี่ปุ่นทั้งสิ้น ดูดูแล้วผีแต่ละตัวก็มีชื่อและมีเรื่องราวเสียด้วย อาจจะเป็นไปได้ว่า ผู้ทำเอาประวัติและหน้าตามาจากตำราภูติผีปิศาจญี่ปุ่นจริงๆมาทำ ไม่แน่นะอาจจะเอามาแทบทุกตัวเลยก็ได้ แต่อย่างไรก็ดีครับแอดขอหยิบเอาบางส่วนที่อ้างจากตำราผีญี่ปุ่นที่เห็นได้ชัดมาเปรียบเทียบดีกว่า ส่วนจะเป็นใครมีอะไรบ้างมาดูกัน



Biwaki

ปรากฎตัวใน  Book1 Chapter 1

ลักษณะ

เป็นผีคนญี่ปุ่นหน้าซีดๆ ตาลึกโบ๋ มีดอกไม้ตกแต่งผมที่ดๆยาว เมื่อก่อนเป็นหญิงสาวที่ที่น่าสงสาร เล่นบิวะ เครื่องดนตรีญี่ปุ่น เมื่อตายแล้วเธอจึงกลายเป็นหุ่นเชิดให้แก่ KINTORU

ในภาคแรกเราจะเห็นเธอบริเวณทางเข้าหมู่บ้านอาราริ เธอเป็นผีที่เล่นบิวะ ระหว่างทางที่เดินจะเห็นเสียงหลอนๆของใครก็ไม่รู้เล่นบิวะอยู่ตามทางเดิน เมื่อเข้าใกล้เสียงนั้นก็ยิ่งดังชัดขึ้น แต่เราจะผ่านเธอไปได้ง่ายๆ และอีกครั้งถ้าเจอเธอเธอในโรงแรม (ก่อนถึงชั้นคุริโกะ) จะเห็นเธอดีดบิวะอีกเช่นเคย แต่ครั้งนี้เป็นศัตรู

ในตอนที่ 3 ไปจนถึงตอนที่ 4 เรื่องราวจะค่อยๆเปิดเผยว่า ใครคือคนบงการเธอให้กลายเป็นผีร้าย และนั่นก็คือปิศาจควบคุมนั่นเอง ในท้ายที่สุดจะเห็นเธอถูกควบคุมด้วยใยแมงมุม

ชื่อของเธอคือ Biwaki Masashige เธอเกิดในยุคเมจิ มีพี่สาวชื่อมิฮาริ ตอนเด็กๆแม่ทิ้งเธอไป วันหนึ่งพ่อของเธอ ไคโตะกลับบ้านพร้อมกับบิวะที่ผู้หญิงที่เขาช่วยมอบให้เป็นของขวัญ เขาเลยสอนบิวากิให้เล่น แต่ไม่มีใครรู้ว่าบิวะนั้นถูกสาป ไม่นานคำสาปบิวะก็เริ่มมีผล บิวากิเริ่มร้องไห้ในขณะที่พ่อของเธอปลอบเธอ จากนั้นพวกเขาก็กลายเป็นหุ่นเชิดของปิศาจ 



ตำนานโยไค

ปิศาจบิวะนี้ตามตำนานพื้นบ้านมีชื่อว่า บิวะ-โบกุโบกุ มันเป็นเพียงเครื่องดนตรีผีสิงที่อาศัยอยู่ในชีวิตประจำวันของมนุษย์ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป 100 ปี บิวะ-โบกุโบกุ ก็ได้กลายสภาพเป็นเครื่องดนตรีผีสิง 

มันมีหัวเป็นบิวะ ตัวเป็นคน ใส่ชุดฮาคามะเก่าๆ  พวกมันกลับมามีชีวิตจะเนื่องจากผลจากการละเลย หรือความแค้นไม่แน่ชัด พวกมันจะเดินไปตามห้องต่างๆ ในบ้านที่มีคนอาศัยอยู่ในเวลากลางคืน และเล่นดนตรีดังๆ เพื่อคร่ำควญผู้คนที่ละเลยพวกมัน  บางทีก็ไปตามที่ี่ๆจัดงานปาร์ตี้ที่มีเสียงดัง หรือออกจากบ้านแล้วเดินเล่นไปรอบๆ เพื่อค้นหาคนอื่นๆ


                                                        Megumi(ผีคอยาว)

ปรากฎตัวใน  Book1 Chapter 2

ลักษณะ 

เธอเป็นสาวตัวสูง ที่ไม่เพียงแค่ตัวสูงใหญ่อย่างเดียวแล้ว คอเธอยังยาวผิดมนุษย์ด้วย เมื่อเห็นเธอเดินมาไกลๆ พร้อมกับใส่ชุดขาว ด้วยใบหน้าที่หลอนและขาวซีด ตาเบิกโพลงเหมือนมีเลือดไหลออกมา แค่นั้นก็ทำให้เราช็อคได้แล้ว

       เราจะเห็นเมกุมิครั้งแรกที่พระราชวังอิมพีเรียล โดยเธอจะไล่ตามเราทั่วทั้งห้องสมุด เพราะเธอมีหน้าที่จัดการทุกคนที่เดินเพ่นพ่านในพระราชวัง โดยเธอเป็นสาวรับใช้ของเจ้าของสถานที่นี้ ตัวเมกุมิดูเผินๆอาจจะเหมือนกับผีกูลิโกะก่อนหน้านี้ นั่นก็เพราะว่ามีสายสัมพันธ์เป็นแม่เลี้ยงกัน!! แต่จริงๆแล้วใส่ชุดอะไรก็ไม่เห็นเกี่ยวกันเลยก็ได้  และนอกจากนั้นเธอยังโผล่มา jumpscare เราเป็นพักๆจนถึง chapter ที่ 4 


ตำนานโยไค
เป็นเรื่องผีที่ร่ำลือกันมานานแล้วของญี่ปุ่น ผีตนนี้มีนามว่าโรกูโรกูบิ  หรือ สาวคอยาว เป็นเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับ มนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่แต่ต้องคำสาปหรืออาถรรพ์ เมื่อตกกลางคืนจะยืดคอออกไปได้ยาวมาก มักจะเป็นเฉพาะในผู้หญิง สาวคอยาวพวกนี้จะดูดพลังของเหยื่อทั้งคนและสัตว์ และจะใช้ลิ้นเลียเพื่อดับไฟตะเกียง ส่วนใหญ่สาวคอยาวนั้นมักจะเป็นผู้หญิงที่ต้องพบกับรักที่ผิดหวัง และผีพวกนี้ยืดหดคอได้ อีกทั้งยังใช้ชีวิตอยู่กับคนได้โดยที่ไม่มีใครรู้

        ถึงผีคอยาวจะแฝงตัวอยู่กับคนธรรมดาได้ แต่พวกมันก็ค่อนข้างลำบากที่จะซ่อนร่างจริงของตัวเองไว้ ก็บางทีเจอเรื่องไม่สบอารมณ์ แม่ก็ชูคอออกมาเลยว่างั้น  สาวคอยาวจึงมักจะแสดงร่างจริงออกมาต่อหน้าพวกขี้เมา หรือพวกที่ทำให้เธอมีน้ำโหเท่านั้น

สาวคอยาวไม่มีนิสัยชอบหลอกคนเหมือนผีร้ายอื่น ๆ เพราะยังมีความเป็นมนุษย์อยู่มาก ทั้งยังคิดว่าตัวเองสามารถใช้ชีวิตอย่างมนุษย์ปกติได้ บางครั้งอาการคอยาวจึงออกมาตอนหลับเท่านั้น เมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่าตัวเองปวดคอ และฝันเห็นสถานที่ต่าง ๆ ในมุมมองที่แปลก ๆ ดูดูไปก็คล้ายกับไอ้ตัวของบ้านเรา แต่รายนั้นคือหัวลอยได้ ออกหากินเวลากลางคืน

ถ้าเป็นกับผู้ชายเขาจะเรียกกะหัง เอ้ย!! ชายคอยาว (โรกูโรเบ)



KINTORUหรือ (Sama)

    ในเกม ตลอด Book 1 หรือภาคแรก เราอาจจะได้ยินชื่อเธออยู่บ่อยๆ เพราะเป็นผีตัวระดับบอสที่ทำหน้าที่คอยบงการผีตัวอื่นๆ ด้วยความเป็นปิศาจควบคุม บทบาทของเธอจะคอยปรากฎตัวออกมาในรูปร่างต่างๆเพื่อไล่ล่าเราตลอดทั้งเรื่อง
        ซามะเป็นชื่อเล่นของ Kintoru เธอปรากฏเป็นร่างมนุษย์ผู้หญิงสีดำตัวสูง  มีรูปร่างหน้าตาน่ากลัวเล็กน้อย เธอมีเล็บที่ยาวและแหลมคม หมวกที่เธอใส่ก็จะดูเหมือนหมวกโบราณของคุณผู้หญิงยุคเก่าที่ใช้ใส่เวลาเดินทางออกจากบ้าน หรือเข้าสังคม หน้ากากสีขาว ผมยาวสีดำ ชุดเดรสสีดำ มีผ้าพันคอที่ดูคล้ายเป็นขนนกสีดำยาวห้อยอยู่ที่ไหล่มีมือยาวเหมือนสัตว์ประหลาด

กำเนิด ซามะ
       ครั้งหนึ่งเทพเจ้าปิศาจได้สร้างคินโทรุ เอ็นซึไค เนทาโม และยูมะ ขึ้นมาเพื่อเป็นหุ่นเชิดไว้ใช้งาน ทั้ง 4 ตนนี้ถูกขนานนามว่า 4 Beast ปิศาจทั้งสี่ตนออกอาละวาดไปทั่วโลก พวกมันเป็นปิศาจที่มาจากความเลวร้ายและอำนาจอันได้แก่ การควบคุม ความอิจฉา ความโกรธ และการเกิดใหม่ พวกผีเหล่านี้ออกอาละวาดบนโลกมนุษย์ทำให้โลกเกิดความโกลาหลวุ่นวาย  ระหว่างนั้นโลกก็ปั่นป่วนเต็มไปด้วยภัยพิบัติ แผ่นดินสั่นสะเทือนและมหาสมุทรก็ถูกมอดไหม้ไปด้วยเปลวเพลิง หลังจากนั้นด้วยพลังของเทพปิศาจที่ได้มอบให้แก่นักปราบปิศาจก็ได้ทำการผนึกพวกมันเอาไว้ได้

ปิศาจควบคุม หรือ ซามะ ถูกส่งไปทางทิศตะวันออก เธอถูกกักขังในต้นซากูระ
ปิศาจหึงหวง ถูกส่งไปยังก้นทะเล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมรดกที่ถูกลืม 
ปิศาจโกรธา  ติดอยู่ในกรงที่แข็งแรง ด้วยความโกรธเกรี้ยวและเฝ้าคอยโอกาสกลับมาอีกครั้ง 
ปิศาจเกิดใหม่  ถูกบังคับส่งไปใต้โลก มันได้แต่มองโลกในทางหัวกลับอย่างไรที่สิ้นสุด
 แต่อย่างไรก็ดี ปิศาจควบคุมหนีออกมาได้และได้ปลดปล่อยตัวอื่นออกมา
        เนื้อเรื่องที่ทำให้เราได้พบมันมีอยู่ว่า 
ยาสุ หรือก็คือตัวเอกของเรื่อง กลับเข้าไปในโรงเรียนโดยไม่รู้ว่าเขาเข้าไปในมิติของซามะ มันได้กลืนกินเพื่อนของ Yasu แล้วเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นผีเสื้อ  Sama ได้ทำการท้าทาย Yasu และไล่ตามผู้เล่นในเขาวงกตตลอดทาง

ในบทที่ 3 เธอกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดชื่อ โอมุคาเดะ ซึ่งแปลว่า "ตะขาบยักษ์" ซึ่งเป็นโยไคในตำนานของญี่ปุ่น วิธีเอาชนะคิอเราจะต้องเปลี่ยนเสาทั้งหมดจากสีแดงเป็นสีเขียวเพื่อหนีออกจากรังของมัน  เมื่อคุณเปลี่ยนเสาทั้งหมดเป็นสีเขียวได้แล้ว ประตูจะเปิดออกและเราจะได้กลับบ้าน

ครั้งสุดท้ายที่เราจะพบกับ Sama อีกคือในบทที่ 4 เราจะเห็นเธอในรูปของ  Saigomo แมงมุม เควสนี้ก็คือการทำลายหัวใจทั้ง 7 ดวงให้ได้ เมื่อหัวใจทั้ง 7 ดวงถูกทำลายหมดสิ้น เราจะมีสองทางเลือกคือ 1 เลือกที่จะฆ่า Sama ซะ และจะทำให้ คำสาปถูกปลดปล่อย  เนื่องจากตอนเธอตาย ศพของเธอถูกลากไปยังพื้นที่ที่ไม่รู้จักโดยเทพเจ้าปศาจที่ชั่วร้าย  หากเราเลือกที่จะช่วยพ่อแม่   ผู้เล่นจะกลายเป็นหนึ่งในหุ่นเชิดของ Sama เพราะเธอล่อลวงให้เราคิดว่าเป็นพ่อแม่ของเราจริงๆ

Jump Scare
ในขณะที่ผีซามะอยู่ในร่างครึ่งคนใส่ชุดดำ ด้วยหน้ากากโชว์หน้าขาวก็ทำให้เราช็อคได้ง่ายๆ เมื่อเธอโผล่ Jumpscare ซึ่งๆหน้า ในร่างปิศาจตะขาบก็สร้างความหลอนไม่น้อย เวลาเดินจะรู้สึกว่าหน้ามันสั่นๆอยู่ตลอดเวลา
ตำนานโยไค
เนื่องจากมันเป็นปิศาจระดับบอส จึงมีร่างแปลงเยอะมาก มีอำนาจและพลังที่โค่นไม่ได้ ส่วนร่างแปลงของมันในร่างของปิศาจนั้น 
         โอมุคาเดะ เป็นร่างปิศาจตะขาบดุร้ายและก้าวร้าวมาก มูกาเดะ หรือตะขาบทั่วไปนั้นมีพิษและกัดเจ็บแต่แทบไม่ทำให้ถึงแก่ชีวิต แต่โอมุคาเดะมีพิษมากกว่าและพิษนั้นร้ายแรงมากกว่าหลายเท่า ตามตำนานพวกมันตัวใหญ่ยักษ์ อาศัยอยู่ในแม่น้ำกระทั่งมีชาวบ้านมาพบมันเข้าจึงหวาดกลัวจนต้องส่งผู้กล้าไปปราบ แต่ก็ฆ่ามันไม่ได้ด้วยเกราะที่หนาอย่างกับมังกร บวกกับร่างที่ใหญ่ ลำตัวของมันพันครึ่งรอบหุบเขาได้เลยทีเดียว แต่เมื่อ Hidesato ผู้กล้าวิงวอนต่อเทพสงครามจึงยิงศรฆ่ามันได้ในที่สุด
        Saigomo แมงมุมปิศาจแมงมุมนี้อาจมีที่มาจาก jorogumo ปิศาจแมงมุมตามตำนานโยไคโบราณของญี่ปุ่น มันสามารถแปลงร่างได้ 3 ร่างเป็นผู้หญิงได้ เป็นแมงมุม และครึ่งคนครึ่งแมงมุม ตามตำนานว่ากันว่าเธอจะแปลงเป็นสาวสวย หากอนโดยจะล่อลวงผู้ชายให้เข้าไปในกระท่อม  จากนั้นเธอจะเล่นบิวะ ขณะที่เหยื่อกำลับเคลิบเคล้มไม่ทันระวังตัว เธอก็จะใช้ใยแมงมุมจับคนคนนั้นไว้เป็นอาหารของมัน แน่นอนว่าของโปรดของเธอก็คือ ชายหนุ่มรูปงามที่กำลังมองหาความรัก และเมื่อ jorogumo เจอคนที่เธอต้องการแล้ว เธอจะเชิญชายหนุ่มเข้าบ้าน กว่าชาวบ้านจะมีคนรู้ว่ามีคนหาย ก็ไปเจอเหลือแต่โครงกระดูกกองอยู่นับไม่ถ้วนกองอยู่ในบ้านของเธอ



                                                JIKININKI หรือ (นักบวชกินศพ)
ปรากฎตัวใน  Book2 
ลักษณะ
เป็นผีตาลุงแก่ๆร่างใหญ่  ดูเหมือนก็อบลิน ร่างกายสีฟ้าหม่นๆดวงตาสีเหลืองเขี้ยวยาวและเปื้อนเลือด พวกมันมีนิ้วเรียวยาวและไม่สวมอะไรเลยนอกจากกางเกงฮากามะสีแดง เก่าๆรุ่งริ่ง  เราจะพบเห็นมันกำลังกินซากหรืออะไรอยู่ตลอดเวลา ดูเหมือนมันจะไม่ได้สนอกสนใจคนมากนัก หมกมุ่นแต่เรื่องกิน แต่เมื่อเราไปยุ่งวุ่นวาย หรือไปโดนตัวมันเข้า เราจะกลายเป็นอาหารของมัน แต่ถึงเราจะไม่ยุ่งการรบกวนพวกมันอย่างเช่น เหยียบเศษกระจกจนพวกมันได้ยิน ก็จะโดนมันไล่ฆ่าเช่นเดียวกัน
ตำนานโยไค
จิกินินกิเป็นผีกินคนในนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่นที่กินซากคนตาย พวกมันเกิดขึ้นมาจากมนุษย์ที่ถูกสาปที่เคยกินเนื้อกันในช่วงชีวิตที่เป็นคน เมื่อตายลงจึงได้เป็นอสูรกาย  พวกเขาได้รับโทษทัณฑ์จากบาป จึงส่งผลให้พวกมันหิวโหยอยู่ตลอดเวลา ต้องหากินเรื่อยๆปอย่างไม่รู้จักอิ่มตลอดกาลนาน

        พวกมันติดอยู่ระหว่างโลกของคนเป็นและคนตาย ผู้คนอาจจะพบเห็นได้เฉพาะในช่วงเวลากลางคืนและพวกมันไม่ค่อยอยากเจอมนุษย์ แต่พวกมันก็ยังต้องอาศัยอยู่ใกล้ชุมชนของมนุษย์เพราะอาหารหลักของมันก็คือคนตายนั่นเอง



                                                   NUPPEPPO หรือ ( ผีหน้าเละ)

ปรากฎตัวใน  Book2 
ลักษณะ
เป็นสิ่งมีชีวิตที่อ้วนกลมเหมือนก้อนเนื้อหย่อนๆ ย้วยๆ มีจมูกที่ใหญ่โต และปากที่อ้าค้างขนาดใหญ่ที่มีฟันสีเหลือง ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีดวงตา เนื่องด้วยเนื้อที่ห้อยย้อย ไหลลงมาปิดบังใบหน้า
เปิดตัวใน Jealousy's Book: บทที่ 2 มันเป็น NPC ที่ไม่ทำอันตรายเรา พบเห็นมันได้ที่ห้องอาหาร มันบอกว่ามันไม่กินคนเพราะเป็นมัง แถมยังจะช่วยเราหลบหนี แต่จะต้องทำเควสโดยขอให้อิซามุนำเนื้อมา แล้วใช้มันในการปรุงอาหารสูตรต่างๆ ให้กับซูโบชิ ไอ้ตัวหิวโหยที่กินทุกอย่างที่ขวางหน้า
ตำนานโยไค
ตามตำนานญี่ปุ่นโบราณว่าไว้ ดังนี้ เป็นโยไคที่แปลกประหลาดและน่าขนลุกซึ่งพบได้ในซากปรักหักพังของวัด สุสานรก และพื้นที่ทรุดโทรมอื่นๆ สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ขึ้นชื่อเรื่องรูปลักษณ์และกลิ่นที่น่ารังเกียจ พวกมันส่งกลิ่นฉุนของเนื้อเน่าออกมา พวกมันดูเหมือนก้อนเนื้อคล้ายมนุษย์ขนาดใหญ่พอๆ กับเด็ก มือและเท้าเป็นก้อนที่ยังไม่พัฒนา และมีใบหน้าที่คลุมเครือจนมองไม่เห็น
        ต้นกำเนิดของพวกมันก็ไม่แน่ชัด ว่ากันว่า เป็นการแปลงร่างที่ผิดพลาดของพวกทานูกิ ชื่อแสลงของพวกมันมาจากคำสแลงที่ใช้กับการแต่งหน้ามากเกินไป โดยทาสีหนาจนมองไม่เห็นใบหน้า เช่นเดียวกับที่ใบหน้าอ้วนๆ เหลวๆของนุปเปปโปที่แทบจะมองไม่เห็น




                                                    GASHADOKURO(กระดูกผี)
ปรากฎตัวใน  Book2 Chap 1,2,3
 ลักษณะ
เป็นกระดูกผีนิ่งๆ ที่ดูไม่น่ากลัวอะไร ใน Chapter 1 แต่หลังจากผ่านเนื้อเรื่องของนัปเปโปะไปแล้ว กาชาโดคุโร หลายตัวจะปรากฏตัวจากด้านหลังเขาและพังประตูเข้าไป ตอนนี้ กาชาโดคุโร กลายเป็นผีกระหายเลือดและพยายามไล่ล่าผู้เล่น  แต่เมื่อผ่านไปได้ ผีกระดูกก็จะโผล่มาใหเห็นในคัทซีนเท่านั้น



ตำนานโยไค
กาชาโดคุโระเป็นวิญญาณที่อยู่ในรูปของโครงกระดูกขนาดยักษ์ที่สร้างขึ้นจากกะโหลกของผู้ที่เสียชีวิตในสนามรบหรือจากความอดอยาก (ในขณะที่ศพกลายเป็นกาชาโดคุโระ วิญญาณก็กลายเป็นโยไคที่แยกจากกัน รู้จักกันในชื่อฮิดารุกามิ) และสูงตั้งแต่ 10 เมตรขึ้นไป มีเพียงดวงตาที่ยื่นออกมา และบางแหล่งก็อธิบายว่าเป็นสีเหลืองหรือสีเขียวที่กำลังลุกไหม้ กาชาโดคุโระจะเดินไปรอบๆ มันจะโจมตีและกินมนุษย์ทุกคนที่เห็นพวกมัน เมื่อกาชาโดคุโระเข้าใกล้ ว่ากันว่าจะส่งเสียงกระทบกันด้วยฟันของมัน แต่พวกมันไม่ได้อยู่นิ่่งๆ ถึงพวกมันจะตัวใหญ่แต่ก็รู้จักซ่อนตัว พวกมันมีพลังหายตัวได้ บางทีมนุษย์ที่พวกมันอยากจะกินอาจจะไม่รู้ตัว และมันจะสลายไปก็ต่อเมื่อมันพอใจกับการล่านั้นแล้วนั่นเอง


ENZUKAI (ปิศาจริษยา)

ลักษณะ
ปรากฏตัวเป็นคนที่น่ากลัวและสูงผิดปกติ มันเป็นหนึ่งใน 4 ปิศาจที่เทพปิศาจผู้ชั่วร้ายได้สร้างขึ้น มันมีลักษณะคล้ายปีศาจหรือยักษ์ในนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่น ลักษณะเด่นของมันคือผิวหนังสีแดงกับหน้ากากที่มันใส่ กับชุดดำขาดๆรุ่งริ่ง ยาวถึงเข่า  หน้ากากที่มันใส่นั้นคือฮันยา อันเป็นหน้ากากญี่ปุ่นโบราณของปิศาจริษยา  หน้ากากนันมีเขาแหลมของปิศาจ ดวงตาเป็นโลหะ และปากแสยะยิ้มที่ดูเย้ยหยัน  เจ้าปิศาจตัวนี้มีขนสีดำเรียงซ้อนยาวถึงหลัง แต่ชุดดำทำให้มองเห็นได้ยาก

Book2 ENZUKAI จะมีบทบาทมาก 
ในตอนปรากฎตัวเริ่มแรก จะมีหน้าตาคล้ายหน้ากากฮันยา ตัวสีแดงๆ เสื้อผ้ารุ่งริ่ง ดวงตาสีเหลือง มีลูกปะคำสีดำใหญ่คล้องคอ แต่เมื่อผ่านchapter ต่อไป เราจะได้เห็นมันมีลุคที่ก้าวร้าวมากขึ้น มีนิ้วยาวเรียว ฟันยื่นออกมาจากปาก ผมยาวตั้งขึ้น และเมื่อเข้าสู่ Chapter  ถัดไป เราก็จะได้เห็นมันในสภาพที่ดูหม่นขึ้นเรื่อยๆ แต่มีแววตาสว่างลุกโชน

หน้ากากฮันยาถูกนำมาใช้สวมใส่ในการเล่นละครโนห์และเคียวเก็นหลายเรื่องซึ่งโนห์เป็นละครโบราณที่ไม่ค่อยจะได้เห็นกันมากนักในปัจจุบัน หน้ากากฮันยาสื่อถึงจิตวิญญาณของผู้หญิงที่กลายเป็นปีศาจเนื่องจากความหลงใหลหรือความอิจฉาริษยา คล้ายกับแนวคิดทางพุทธศาสนาเรื่องผีผู้หิวโหย


                                                               Gozu Mezu (หัววัว หัวม้า)
นเนื้อเรื่องบทที่ 3 ภาคของ ENZUKAI เมื่อเราถูกฆ่าโดย เจ้าปิศาจแล้ว ก็มาเกิดอีกทีที่หน้าประตูนรก ด่านหน้านั้นเราจะเห็นปิศาจครึ่งคนครึ่งม้า และครึ่งคนครึ่งวัว ดักอยู่ พวกมันจะทะเลาะกันเรื่องกินดวงวิญญาณ และตามตำนานญี่ปุ่นทั้งสองตัวนี้ก็มีบทบาทสำคัญอย่างนี้จริงๆ คือทั้ง 2 เป็นผู้เฝ้าด่านหน้าของประตูนรก คอยควบคุมดวงวิญาณคนตาย และเป็นข้ารับใช้ข้างกาย เอ็นมะ หรือ ยมบาลนั่นเอง โดยอาวุธหอกที่พวกมันถือก็คือ อาวุธที่ใช้ลงโทษ ทรมานเหล่าคนตายที่ถูกตัดสินให้ลงนรกนั่นเอง ตามเนื้อเรื่องบทที่3 เราจะไม่ถูกตัดสิน แต่จะถูกพาไปพบชายคนหนึ่งแทนนั่นคือ Keneo



                                                        KENEO(ผีชายแก่แขวนผ้า )
ลักษณะ
ปรากฎตัวใน  Book2 บทที่1 และ3
เจ้าผีเจ้าเล่ห์หน้าแดง มีเขาเหมือนปิศาจ ฟันเรียวเล็กเต็มปาก ใส่ชุดกิโมโนสีดำ สวมฮาคามะสีเทา ผีเหลี่ยมตัวนี้เมื่อเราพบเขาในระหว่างโลกแห่งความตาย เขาจะแนะนำให้เราไปหา เจ้าแห่งนรกเพื่อเอาตัวรอดจากโลกวิญญาณ ซึ่งก่อนหน้านั้นตัวเอกก็เคยถูกหลอกมาแล้วในบทที่ 1 เมื่อครั้งที่เขาหลอกให้เราไปขโมยลูกแก้ว Seishin ที่รักษาไว้โดย แม่มดตาบอด แต่ทันทีที่จะได้ขึ้นเรือหนีกลับพบว่าเป็นเรือที่ถูกทิ้งร้าง ผุพัง
ตำนานโยไค
    โดยประวัติตามตำนานผีของญี่ปุ่นนั้น เคเนโอะเป็นผีปากทางนรก ซึ่งนั่งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำซันซูในยมโลกชื่อของเขาแปลว่า ชายแก่แขวนผ้า ตามประเพณีของญี่ปุ่น เมื่อมีคนเสียชีวิตใน 6 เดือน เขาจะวางเงิน ไว้พร้อมกับศพเพื่อใช้เป็นค่าตอบแทนในการเข้าสู่ยมโลก เมื่อวิญญาณของผู้ใหญ่มาถึงแม่น้ำ พวกเขาก็ควรจะข้ามแม่น้ำนั้นไป ถ้าเป็นคนดีตลอดชีวิตก็อนุญาตให้ข้ามสะพานได้ ถ้าดีกลางๆดีบ้างไม่ดีบ้าง ก็ต้องลุยน้ำตื้นๆ หากถ้าเป็นพวกที่ทำแต่เรื่องเลวๆ พวกเขาก็จะถูกบังคับให้ว่ายข้ามส่วนที่ลึกที่สุดของแม่น้ำ เมื่อเหล่าวิญญาณมาถึงฝั่งแม่น้ำ ดัทสึเอะบะ ซึ่งเป็นปิศาจอีกตนหนึ่งจะบังคับให้คนบาปถอดเสื้อผ้าออก 


และเคเนโอจะเป็นผู้แขวนเสื้อผ้าเหล่านั้นไว้บนกิ่งไม้ริมแม่น้ำที่ มันจะโค้งงอตามความร้ายแรงของน้ำหนักบาป หากวิญญาณมาถึงโดยไม่สวมเสื้อผ้าเลย เคเนโอจะถลกหนังของบุคคลนั้นแทนแล้วแขวนไว้บนต้นไม้เช่นกัน หากว่าดวงวิญญาณนั้นทำแต่เรื่องเลวร้ายมาตลอดในชีวิตจะมีเสื้อผ้าที่มีน้ำหนักมากกว่า เพราะพวกเขาแบกน้ำที่สะสมมาจากการที่ต้องว่ายข้ามแม่น้ำนานๆ ปิศาจทั้งคู่ก็จะดำเนินการลงโทษในระดับต่างๆ สำหรับผู้ที่ลักเล็กขโมยน้อย   ดัทสึเอะบะ จะหักนิ้วของพวกเขา พร้อมกันนั้นเคเนโอ มันจะผูกศีรษะของคนบาปไว้กับเท้าของคน (ซึ่งคนบาปพวกนี้ก็น่าจะตายแล้วแหล่ะ สิ่งที่ยังเหลือคือสัญญา วิญญานความรู้สึกจดจำได้ประมาณนี้) ซึ่งถ้าผู้ตายเป็นเด็กที่ยังเด็กเกินกว่าจะข้ามแม่น้ำได้ เคเนโอและดัทสึเอะบะจะเดินไปตามริมแม่น้ำและทรมานวิญญาณของเด็กๆเหล่านั้น




                                                     NURIKABE(ผีกำแพง)
ปรากฎตัวใน  Book2 Chap 3
ลักษณะ
มีลักษณะเป็นผนังที่ค่อนข้างแบน สูงและเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีสีผิวสีขาวนวล ดวงตาสามดวง แต่ละตามีสีฟ้าอมเหลือง  โดยทั่วๆไปแล้วไม่ทำร้ายคน มีหูแหลมสองข้างวางอยู่ที่ด้านข้างของหัว และในปากที่เปิดอยู่นั้นมีเขี้ยวสีแดงเล็กๆ สองอัน มือของนูริคาเบะมีรูปร่างเหมือนเม็ดเล็ก เท้ามีนิ้วเท้าแข็งสามนิ้ว แขนขาทั้งสี่นั้นสั้นและเล็กเมื่อเทียบกับลำตัวที่ใหญ่โต
ใน Jealousy's Book เขาเป็น npc ที่เกะกะขวางทางบันได โดยเขาให้เราไปหา ตัวอ่อนมาให้มันกินจนกว่ามันจะพอใจ
ตำนานโยไค
เจ้านูริคาเบะนี้จะปรากฏขึ้นบนถนนตอนดึก ขณะที่ผู้คนกำลังเดินอยู่มันจะโผล่ออกมาตรงหน้าคุณ ด้วยร่างที่เหมือนกำแพงขนาดมหึมาที่มองไม่เห็นก็กลายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาและขวางทางมนุษย์ ไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงมันได้ เพราะเมื่อเราจะหลีกไปทางอื่นมันก็ขยายออกไปจนปิดทางเราได้ ไม่มีทางที่จะเอาชนะมันได้  ล้มมันลงก็ไม่ได้  แต่ถ้าหากเราแตะมันใกล้พื้นด้วยไม้ มันก็จะหายไป และเราก็เดินทางต่อไปได้



                                                         YUREI(ผีตายโหง)
ปรากฎตัวใน  Book2 Chap 3
ลักษณะ
ยูเรเป็นผีผู้หญิงร่างผอมแห้งๆ มีรอยยิ้มที่ไม่ธรรมดา เธอมีผมสีเข้มกระเซิง ใบหน้าซีดเซียจนออกขาว  ปากเหมือนทาด้วยลิปสติกสีชมพูอ่อน เธอมีตาขาวและรูม่านตาสีดำ มีไฝอยู่ใต้ตาขวา รอบๆร่างกายของเธอดูเหมือนจะเต็มไปด้วยเถาวัลย์สีเข้มที่บิดเป็นเกลียว
        ชุดเสื้อผ้า ของเธอตกแต่งผมด้วยดอกไม้ สวมเดรสสีขาวที่ยาวไปถึงท่อนล่างซึ่งประดับไปด้วยดอกไม้  
โดยเราจะเจอเธอเมื่อไขปริศนาได้สำเร็จ  หลังจากที่เราต้องค้นหาสิ่งของสุ่ม 5 ชิ้นในบ้านไม้หลังเล็ก เมื่อเจอเธอแล้วเธอจะพูดบางอย่างกับเรา และจะตรงเข้ามาฆ่าเรา


ตำนานโยไค
ตามความเชื่อดั้งเดิมของญี่ปุ่น มนุษย์ทุกคนมีจิตวิญญาณที่เรียกว่าเรคอน (霊魂) ความหมายก็คล้ายๆกับ Soul หรือวิญญาณที่เราคุ้นๆกัน เมื่อบุคคลเสียชีวิต เรคอนจะออกจากร่างกายและจะมีรูปร่างคล้ายดวงไฟล่องลอย  ระหว่างนี้ดวงไฟจะรอให้มีพิธีศพและพิธีหลังพิธีศพที่เหมาะสมเพื่อจะได้อยู่ร่วมกับบรรพบุรุษได้ หากทำอย่างถูกต้อง เชื่อกันว่าเรคอนจะกลายมาเป็นผู้ปกป้องครอบครัวของเราเอง และจะกลับมาทุกปีในเดือนสิงหาคมระหว่างเทศกาลโอบ้ง ก็คล้ายๆกับผีปู่ทวดบ้านเราน่ะเอง
        แต่มีโยเรไม่ดีหรือผีร้ายก็มีเช่นกัน หากบุคคลนั้นเสียชีวิตอย่างกะทันหันหรือรุนแรง เช่น การฆาตกรรม หรือการฆ่าตัวตาย หากไม่ได้ประกอบพิธีกรรมที่เหมาะสม หรือหากได้รับอิทธิพลที่ครอบงำรุนแรงจากความแค้น ความรัก ความอิจฉาริษยา ความเกลียดชัง หรือความโศกเศร้า ว่ากันว่าเรคอนจะกลายเป็นยูเร โดยโยเรนี้ก็ไม่ต่างจากสัมภเวสีเลย มันจะวนเวียนและไปๆมาๆย้ำๆบริเวณที่ตัวเองตายหรือสิ่งที่จิตสุดท้ายที่วิญญาณนั้นทำก่อนตาย ผีพวกนี้มักจะคอยหลอกหลอนต่อผู้พบเห็นเมื่อผ่านจุดที่มันสิงสู่อยู่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหาบล็อกนี้