นิทานเรื่องยายหมาขาว เป็นนิทานสอนใจเยาวชนชาวอีสานมาช้านาน หมอลำหมู่นิยมเอามาแสดงเสมอ ในตอนจบเรื่องก็จะมีคำกลอนสอนใจให้ทุกคนกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ ไม่เฉพาะเป็นคนแม้เป็นสัตว์ที่ทำคุณให้กับตนยังต้องรู้จักบุญคุณด้วย
ยังมีสองผัวเมียอาศัยอยู่ในหมู่บ้านจันทคาม ซึ่งฝ่ายเป็นเมียนั้นได้ท้องแก่จวนคลอดแล้วในตอนนั้นเกิดโรคระบาด ผู้คนล้มตายเป็นอันมาก สองผัวเมียจึงอพยพหนีจากหมู่บ้านมาอยู่กลางป่า ต่อมาเมียคลอดลูกแล้วก็ตาย ผัวเห็นก็ตรอมใจตายตามด้วย ปล่อยให้เด็กทารกเกิดใหม่ร้องไห้อยู่ในป่าอย่างนั้น
ต่อมายังมีหมาขาวตัวหนึ่งเป็นตัวเมียออกมาหากิน มาเห็นเด็กทั้งสองก็เกิดสงสาร จึงเอาไปเลี้ยงเป็นลูก ให้กินนมของตัวและหาอาหารเลี้ยงมาจนเติบโตเป็นสาวสวย ทุกวันนางหมาขาวตัวนี้จะพาลูกสาวทั้งสองออกไปหากินในป่า
ในวันหนึ่งเกิดพายุพัดให้นางหมาขาวต้องพลัดพรากจากลูกไป ลูกสาวทั้งสองก็โดนลมพัดไปถึงเขตบ้านนายพราน เมื่อนายพรานเห็นหญิงสาวทั้งสองงดงามมาก อยากได้รางวัลจึงนำหญิงสาว ทั้งสองขึ้นถวายแก่พระราชาซึ่งยังโสด พระราชามีพระอนุชาซึ่งยังโสดเหมือนกัน ฝ่ายพระราชาก็ได้ผู้พี่เป็นมเหสี ฝ่ายอนุชาก็รับผู้น้องเป็นชายา
กล่าวถึงนางหมาขาว เมื่อพลัดพรากจากลูกแล้ว นางก็ติดตามหาลูก จนได้ยินข่าวว่านายพรานเป็นผู้อุปการะจึงมาหานายพรานเพื่อถามหาลูกสาว เมื่อนายพรานรู้ก็บอกความจริง นางหมาขาวจึงขอร้องให้นายพรานพาไปหาลูกสาวที่ในวัง เมื่อพามาถึงพระราชวัง นายพรานก็ทูลพระราชาตามความจริง แต่พระมเหสีนั้นอับอายขายหน้าเกรงว่าคนจะรู้ว่าตนเป็นลูกของหมาขาว จึงทูลเท็จต่อพระสวามีไปว่า ไม่เป็นความจริง พร้อมทั้งขับไล่นายพรานและหมาขาวตัวนั้นไป แต่นางหมาขาวไม่ยอมไป นางจึงเอาน้ำร้อนเทสาดใส่กลางหลังนางหมาขาว นางหมาขาวถูกน้ำร้อนลงกลางหลังทำให้นางบาดเจ็บสาหัส นางก็ซัดเซพเนจรไปล้มลงที่วังของลูกสาวคนเล็ก เมื่อลูกสาวคนเล็กมาพบมารดา ก็จำได้ จึงอุ้มมารดามาเพื่อจะรักษา แต่นางทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงสิ้นใจตาย ก่อนตายนางบอกว่าห้ามเผาหรือฝัง ให้เก็บกระดูกไว้บูชาในวัง ลูกสาวก็ทำตาม
จากนั้นไม่นานก็เกิดเป็นทองคำ ข่าวนั้นเลื่องลือไปถึงผู้พี่สาว พี่สาวก็มาขอส่วนแบ่งทองคำ แต่น้องไม่ยินยอมให้จึงเกิดโต้เถียงกัน จนดังขึ้นไปถึงหูพระราชา พระราชาจึงได้เรียกทั้งสองเข้ามาถามความจริง ในที่สุดเรื่องจริงก็ปรากฏ พระราชาก็โกรธที่พระมเหสีของพระองค์นั้นทูลเท็จและอกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ จึงตัดสินให้ประหารชีวิตเสีย...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น