ใครเคยเดินทางรถทัวร์ดึกๆแล้วเคยผ่านเส้นทางที่ทำให้เรา จู่ๆเกิดขนลุก กลัวขึ้นมาเฉยๆอย่างไม่มีสาเหตุบ้าง ใครเดินทางกลับต่างจังหวัดบ่อยๆ บางเส้นมันจะมีจุดที่ถนนหนทางค่อนข้างผ่านที่แคบๆบ่อย ไม่มีไฟถนนแถมยังมืด บางจุดขับผ่านเนินเขามีเลนวิ่งแคบมากๆ หรือบางทีต้องขับผ่านถนนที่คดเคี้ยว คนไม่ชินเส้นทางขับไปก็เสียวอยู่เหมือนกันเวลานั่งรถไปกับรถตู้หรือรถทัวร์ ใครจะไปรู้ว่าคนขับมันจะหลับในตอนไหน และอีกอย่างคนไม่ค่อยรู้เส้นทาง อาจขับตกถนน หรือหลงไปไกลเลยก็ได้ และทีนี้ก็มาสู่เหตุการณ์สมมุติในเรื่องสั้นที่ว่า ถ้าหากเราหลงไปที่ๆไม่คุ้นเคย หรือหลงมาสถานที่ๆประหลาดไปเลย หรือเกิดเรื่องประหลาดที่อธิบายไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างที่เราขับรถผิดทางบ้างมั้ย ในขื่อตอนว่า ถ้าหากว่ารถทัวร์ขับหลงไปเมืองผี!! อะไรจะเกิดขึ้น มารับชมเรื่องสั้นนี้กัน
ในวันที่ เอนักศึกษาหนุ่ม ต้องเดินทางกลับบ้านหลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจดูแลร้านสะดวกซื้อกะดึกแล้ว เขาต้องเร่งไปขนส่งให้ทันเพราะได้จองตัวกลับบ้านไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าไปสายรอบนี้รถคงหมด และเขาอาจต้องติดอยู่ในขนส่งอย่างน้อย 7 ชั่วโมง โชคดีที่เขาขอผู้จัดการกลับก่อนได้ เขาจึงไปทันเที่ยวรอบค่ำนี้พอดี นักศึกษาหนุ่มจองที่นั่งก่อนใครโดยเลือกที่นั่งหลังสุดติดหน้าต่างหลังรถของขบวนรถ 2 ชั้น แต่เมื่อมาเป็นคนสุดท้ายเลยต้องเดินเบียดคนที่มาถึงก่อนหน้าอย่างทุลักทุเล จนไปถึงที่นั่งที่จองไว้ตรงที่นั่งแถวหลังสุดได้ในที่สุด ข้างๆเขามีที่นั่งที่มีคนจองไว้แล้วเช่นกัน แต่กลับว่างเฉย มีผู้ชายแก่วัย 50-60 เดินมานั่งใกล้แล้วพูดกับเด็กกหนุ่มว่า
"น้องเรียนที่ไหนล่ะ"
"ผมเหรอ? รามครับ"
"จริงเหรอ พอดีเลย พี่ก็เรียนรามเหมือนกัน เห็นใส่ชุดเครื่องแบบร้าน เลยเดาว่าเป็นนักศึกษา "
ลุงแก่ชวนถามเรื่องส่วนตัวเอไปเรื่อยเปื่อย และถามว่าไปจนสุดสายที่นครศรีเลยมั้ย เขาก็ตอบดีดี แต่ยังไม่ทันถึง ลุงกลับขอลงก่อนทั้งๆที่บอกว่าเป็นคนบ้านเดียวกัน แต่มีที่ๆต้องแวะไปก่อน รถจอดข้างทางบนถนนนั้นค่อนข้างมืด ไม่มีบ้านคนอยู่บริเวณนั้นเลย และไม่เห็นด้วยว่าจะมีชาวบ้านที่ไหนลงป้ายนี้ แม้แต่คนขับยังงงเพราะไม่เคยจอดป้ายนี้มาก่อน
ถนนหนทางต่างจังหวัด แสงไฟน้อยกว่าในเมืองมาก ยิ่งตอนดึกๆแล้วยิ่งมองแทบไม่เห็นหนทางรอบข้างเลย รอบข้างมีแต่ทุ่งหญ้ามืดๆ ขณะที่รถทัวร์กำลังวิ่งผ่านทางโค้งอยู่นั้น ไม่รู้ว่ามีหินก้อนหนึ่งขวางอยู่ คนขับไม่ทันหลบ รถก็สะดุดเข้าเต็มๆ ตัวรถเสียหลักกระแทกพื้นจนคนบนรถทั้งคันสะดุ้งตื่น
"ขอโทษด้วยครับพี่ ไม่รู้ก้อนหินตกมาจากไหน" คนขับหันมาผงกหัวขอโทษ
คนบนรถบ่นด่ากันใหญ่ ทั้งๆที่ถนนเส้นนี้อยู่ติดเชิงเขานิดเดียว ถนนตรงนี้อันตรายมากๆหากไม่ระวัง คนขับจอดรถข้างทางเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนมุ่งหน้าเดินทางต่อ
ไม่นานนักรถทัวร์ก็ออกเดินทางอีกครั้ง ทั้งๆที่ข้างทางเรียบร้อยดีแล้ว ก็เกิดเรื่องจนได้ บนถนนเปลี่ยวๆ และเส้นทางผ่านทุ่งนาข้างทางที่มืด ไม่มีแสงไฟ กลับมีเงาคนจากไหนไม่รู้วิ่งตัดหน้ารถ คนขับรถเหยียบเบรคตัวโก่ง รถเสียหลักไถล คนบนรถกระเด็นร่างกระแทกชน ส่วนเอกระแทกเข้ากับเหล็กด้านข้างรถเข้าอย่างจังจนสลบแน่นิ่งไป
เมื่อเอได้สติค่อยๆลืมตาขึ้น เขาพบว่ารถก็ยังจอดอยู่ คนขับกำลังตรวจความเรียบร้อย ดีที่รถมีสภาพไม่เสียหายมากนักเคราะห์ดีที่มีราวขวางเอาไว้ไม่งั้นรถคงไถลตกเขาไปแล้ว เอลงไปดูรถพร้อมกับผู้โดยสารคนอื่นๆ
"ไม่มีใครบาดเจ็บใช่มั้ย มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ตัดหน้ารถ คนแน่ๆ มีใครเห็นมันบ้างมั้ย" ผู้โดยสารบางคนต่างก็แหงนมองดูรอบๆ แต่ก็ไม่พบร่างใครนอนอยู่บนถนน และไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย
หลังจากที่คนขับตรวจสภาพรถและเจ้าหน้าที่ก็ตรวจดูผู้บาดเจ็บเรียบร้อยแล้ว ก็พร้อมเดินทางต่อ จากนั้นมีผู้โดยสารเดินมาจากไหนไม่รู้เดินขึ้นมาบนรถ ผู้โดยสารคนอื่นเห็นเข้าก็โวยวายกันใหญ่ แต่แปลกที่คนขับกับเจ้าหน้าที่ปล่อยให้ขึ้นมาปกติ ยิ่งขับไปได้สักพักเรื่องแปลกๆก็เริ่มมีมากขึ้น ผู้โดยสารที่เป็นเด็กหญิงคนหนึ่งจู่จู่ก็เกิดเลือดออกท่วมหน้า ผู้โดยสารข้างๆเริ่มตกใจกลัวแล้ว แต่แม่ของเธอแค่เอาผ้ามาเช็ด เด็กผู้หญิงคนนั้นยังยิ้มปกติ เหล่าผู้โดยสารที่เดินมากับผู้หญิงคนนี้ไม่มีท่าทีสนใจเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ไม่นานก็มีผู้โดยสารโวยวายขอลงก่อน คนขับไม่ยอมจอด ต่างคนต่างเถียงกันไปมา ผู้โดยสารคนนั้นไม่พอใจ จู่ๆกระโดดออกนอกรถไปเฉย ๆ
เอเริ่มจะรู้สึกหวาดกลัวและสับสนแล้ว ทำไมคนในรถดูแปลกๆ ดูเหมือนไม่มีใครในรถตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย ต่างคนต่างนั่งรถปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อมาชายแก่ที่ลงจากรถไปก่อนหน้าก็เดินเข้ามา ทำให้เอตกใจสะดุ้ง ลุงแก่สังเกตุเห็นว่าเอตกใจเมื่อเห็นหน้าเขาอีก เขาจึงบอกกับเอว่า
"ผู้โดยสารบางคนเขาไม่เข้าใจว่าเราจะไปไหนกัน และฉันไม่อยากให้คุณกระโดดลงไปเหมือนกับคนคนนั้น ฉันอยากจะบอกไปตรงๆก็แต่เดี๋ยวจะยิ่งตกใจไปกันใหญ่"
ลุงแก่ไม่มีความรู้สึกตกใจอะไรเลยเหมือนเคยผ่านเหตุการณ์นี้มาก่อนแล้ว ลุงบอกว่าคนบางคนเขารับไม่ได้ พอไม่สงบอารมณ์ให้ดีดีก่อน ใจคอก็เลยหลุดหลงทางไปกันใหญ่ แล้วลุงก็ชี้มือไปที่ข้างหน้าต่างรถ เอเห็นคนบางคนพยายามเคาะหน้าต่างอยู่ แต่แปลกทั้งๆที่รถยังวิ่งอยู่ แล้วทำไมเขายังเห็นคนอยู่ข้างนอกนั่น คราวนี้รถไม่จอดรับคนเหมือนอย่างเคย และดูเหมือนรถคันนี้กำลังขับลงเขาไปช้าๆ สภาพแวดล้อมที่ดูมืดๆ เต็มไปด้วยหมอกสีแดงรายล้อม แต่เขาสังเกตุเห็นไดว่าในที่มืดๆนั้น ที่ผนังเนินเขาข้างนอกไม่เป็นเพียงก้อนหิน ก้อนดิน แต่ดูเหมือนผิวหนังคนที่ขยับไปมาได้ ดูน่าขนลุก ลุงแก่คนนั้นบอกว่า
"ตอนนี้รถคันนี้กำลังวิ่งไปที่จุดหมายสุดท้ายแล้ว เปลี่ยนเส้นทางไม่ได้อีกแล้วด้วย ใครจะลงตอนนี้ไม่ได้ เพราะทุกคนต้องไปที่นี่ทุกคน"
"พอสักที ผมอยากลงแล้ว" เอรีบลุกมองหาสัมภาระ เขาเดินออกไปขอให้คนขับจอดรถเพื่อเขาจะลงข้างทาง แต่คนขับก็ไม่สนใจ ยังคงขับต่อไป ตะโกนแล้วก็ไม่สนใจ
"ดูเหมือนว่าคุณคนขับเขาจะไม่ได้มากับเรานะ เอาล่ะนั่งลงซะก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยตัดสินใจกระโดดลงไปก็ได้ ถ้าคุณต้องการ" ยิ่งนานเข้าลุงเริ่มพูดอะไรแปลกๆ แต่เมื่อเขาเองไม่รู้จะทำยังไงดี เลยต้องยอมกลับมานั่งเพราะเขาเองก็กลัวเช่นกัน
ลุงบอกเราสิ่งที่เอเห็นเป็นความทรงจำที่เขาจดจ่ออยู่ เขาไม่ได้ฝันไปเพราะสิ่งสุดท้ายที่เอรับรู้ได้คือการต้องการกลับบ้าน เขาจึงมโนอยู่ว่าตัวเองกำลังนั่งรถอยู่และมุ่งหน้ากลับบ้าน และแน่นอนว่าเมื่อเขาลงไปเขาจะได้กลับไปที่บ้านแค่จิตสำนึกเท่านั้น และมันอาจจะวนเวียนอยู่อย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมาก็ได้ เหมือนปรากฎการณ์เห็นผีที่จุดเกิดเหตุ แต่ยังไงก็ดีไม่มีความจำเป็นต้องกลับบ้านอีกแล้ว เพราะตัวเขานั้นได้ตายไปพร้อมกับอุบัติเหตุรถคว่ำเรียบร้อยแล้ว
เหตุการณ์มันเกิดขึ้นตั้งแต่โขดหินขวางทางทำให้รถเสียหลักแล้ว รถไถลกลิ้งตกเขา ทำให้ผู้โดยสารบางคนเสียชีวิตทันที แต่บางคนยังสาหัสอยู่ที่ตีนเขาแห่งนั้น
เอทำใจยอมรับได้ เขาน้ำตานองหน้า ถึงแม้เขาอยากลงใจจะขาด อย่างน้อยก็ได้กลับไปเห็นหน้าพ่อแม่สักครั้ง แต่ตอนนี้มันไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปแล้ว เขาปล่อยให้รถคันนี้วิ่งพาทัวร์ผ่านสถานที่แปลกๆ ผ่านหมู่บ้านเห็นผู้คนในสภาพเสื้อผ้าขาดวิ่น ยากจน ต่างคนก็ทำงานของตัวเองไป ผ่านบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยศพคนแขวน ห้อยอยู่ตามต้นไม้ ยิ่งขับไปลึกยิ่งรู้สึกว่า รถคันนี้กำลังจะพาทัวร์ดินแดนนรกหลังความตาย เขาได้แต่นั่งมองรถคันนี้วิ่งไป โดยไม่รู้จุดหมายว่ารถคันนี้จะไปสิ้นสุด ณ.ที่แห่งใด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น