หลุมใต้ทะเลลึกขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางทะเล เมื่อมองจากด้านบนจะเห็นได้ว่ามันคือหลุมที่มีขนาดใหญ่ที่สุด โดยผู้คนเรียกมันว่า หลุมน้ำเงิน (Great Blue Hole) ซึ่งชื่อนี้ก็มาจากรูปลักษณ์ของมันนั่นเอง และหลุมนี้คือสิ่งอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ สวยงามและลึกลับ แน่นอนว่าใครได้เห็นก็อยากเดินทางมาดูความสวยงามนี้ด้วยตัวเอง
หลุมสีน้ำเงินนี้อยู่ในเขตอเมริกากลาง ตั้งอยู่ในเขตประเทศ เบลิซ (Belize) โดยตัวหลุมนี้อยู่ห่างจากชายฝั่งเบลีซประมาณ 70 กิโลเมตร มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 300 เมตร กับความลึกประมาณ 124 เมตร จากการสำรวจทางธรณีวิทยาพบว่าแต่ก่อนที่นี่เคยเป็นถ้ำหินย้อย ต่อมาระดับน้ำทะเลสูงขึ้นทำให้เพดานถ้ำทรุดตัวลงมา กลายเป็นหลุมยักษ์สีน้ำเงิน ต่อมาได้มีการสร้างปะการังเป็นแนววงกลม สถานที่แห่งนี้ก็เลยกลายเป็นจุดดำน้ำชมปะการังที่น่าสนใจที่สุด เป็นแหล่งที่อยู่ของเหล่าสัตว์ทะเลที่อุดมสมบูรณ์ อีกทั้งยังดึงดูดนักดำน้ำจากทั่วโลก
ทำความรู้จักระเทศ เบลิซ (Belize)
ประเทศนี้ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของอเมริกากลาง ริมทะเลแคริบเบียน มีอาณาเขตจรดประเทศเม็กซิโกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และจรดประเทศกัวเตมาลาทางทิศตะวันตก และทิศใต้ มีประเทศฮอนดูรัสเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียง
ตำนานหลุมบลูโฮลเล่าว่า
ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่โลกถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง แผ่นดินนี้เป็นดินแดนอันหนาวเย็น มีแอ่งน้ำและหุบเขาน้ำแข็งโดยรอบ มีสัตว์ขนาดใหญ่ที่ปกครองแผ่นดินนี้อยู่ก็คือ แมมมอธ มันเป็นช้างดึกดำบรรพ์ขนยาวหนาสีน้ำตาล และสัตว์ที่อยู่ในยุคน้ำแข็งอื่นๆอย่างพวกสัตว์ที่มีกระดองแข็งคล้ายเต่าพวกมันมีชื่อว่า กลิปโทดอน นอกจากนั้นยังมีหมียุคน้ำแข็งซึ่งเป็นศัตรูโดยตรงกับเสือเขี้ยวดาบ พวกมันไม่เหมือนหมีขั้วโลก มันมีขนสีน้ำตาลยาว รูปร่างใหญ่เหมือนหมีกรีซลี ทั้งเสือและหมีพวกมันต่างก็กินเนื้อเหมือนๆกัน ดังนั้นเมื่อมีการเจอกัน พวกมันจึงมักจะปะทะกันอยู่บ่อยๆ เสือนั้นจะหลบอาศัยอยู่ในถ้ำลึก อันเป็นที่ที่ปลอดภัยจากศัตรูและพวกหมี พวกเสือใช้ถ้ำเป็นที่หลบภัยหนาว มันออกหาอาหารช่วงหน้าร้อน ดังนั้นถ้ำก็เหมือนบ้านของมัน เป็นที่อยู่อาศัยและเลี้ยงดูลูกๆ
การเกิดหลุมยักษ์
โดยคาดว่าแรกเริ่มเดิมทีมันเคยเป็นถ้ำหิน Limestone มาก่อน สันนิษฐานกันว่ามันก่อตัวขึ้นในยุคน้ำแข็ง อันเป็นช่วงเวลาที่น้ำทะเลเพิ่มขึ้นสูงจนแผ่นดินในเวลานั้นจมอยู่ใต้ทะเล เพดานถ้ำโดนน้ำเซาะจนพังทลาย และยุบตัวซ้ำๆ จนกลายเป็นหลุมกลวงโบ๋อย่างที่เห็นในปัจจุบัน โดยความลึกของมันจะอยู่ที่ 100-124 เมตร จุดที่นักประดาน้ำชอบลงไปสำรวจอยู่ราวๆ 130ฟุต(40 เมตร ) ด้วยความลึกระดับนี้ มีนักประดาน้ำไปดำน้ำที่นี่เป็นจำนวนมาก และก็ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ไม่น้อย อย่างไรก็ดีมันไม่อาจทำให้นักดำน้ำที่ชอบความท้าทายหวาดกลัวแต่อย่างใด ยังมีนักดำน้ำจากทั่วโลกเดินทางมากันไม่ขาดสาย แถมติดอันดับ 1 ใน 7 หลุมที่น่าดำน้ำมากที่สุดในโลกอีกด้วย
ทำความรู้จักระเทศ เบลิซ (Belize)
ประเทศนี้ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของอเมริกากลาง ริมทะเลแคริบเบียน มีอาณาเขตจรดประเทศเม็กซิโกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และจรดประเทศกัวเตมาลาทางทิศตะวันตก และทิศใต้ มีประเทศฮอนดูรัสเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียง
ตำนานหลุมบลูโฮลเล่าว่า
ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่โลกถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง แผ่นดินนี้เป็นดินแดนอันหนาวเย็น มีแอ่งน้ำและหุบเขาน้ำแข็งโดยรอบ มีสัตว์ขนาดใหญ่ที่ปกครองแผ่นดินนี้อยู่ก็คือ แมมมอธ มันเป็นช้างดึกดำบรรพ์ขนยาวหนาสีน้ำตาล และสัตว์ที่อยู่ในยุคน้ำแข็งอื่นๆอย่างพวกสัตว์ที่มีกระดองแข็งคล้ายเต่าพวกมันมีชื่อว่า กลิปโทดอน นอกจากนั้นยังมีหมียุคน้ำแข็งซึ่งเป็นศัตรูโดยตรงกับเสือเขี้ยวดาบ พวกมันไม่เหมือนหมีขั้วโลก มันมีขนสีน้ำตาลยาว รูปร่างใหญ่เหมือนหมีกรีซลี ทั้งเสือและหมีพวกมันต่างก็กินเนื้อเหมือนๆกัน ดังนั้นเมื่อมีการเจอกัน พวกมันจึงมักจะปะทะกันอยู่บ่อยๆ เสือนั้นจะหลบอาศัยอยู่ในถ้ำลึก อันเป็นที่ที่ปลอดภัยจากศัตรูและพวกหมี พวกเสือใช้ถ้ำเป็นที่หลบภัยหนาว มันออกหาอาหารช่วงหน้าร้อน ดังนั้นถ้ำก็เหมือนบ้านของมัน เป็นที่อยู่อาศัยและเลี้ยงดูลูกๆ
กลุ่มเสือเขี้ยวดาบอาศัยหาจับปลาจากลำธารและทะเลสาบ อันเป็นแหล่งน้ำจืดที่เป็นทั้งที่กินน้ำและล่าสัตว์ พวกมันขนสีน้ำตาลยาวดูคล้ายสิงโตแต่มีเขี้ยวยาวกว่ากันถึง 6 เท่า ด้วยความเป็นเสือพวกมันมักจะล่าสัตว์ลำพัง แม้จะเจอะเจอกับหมีอยู่บ่อยครั้ง ส่วนใหญ่ก็เรื่องแย่งอาหาร แต่อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องปกติที่เลี่ยงไม่ได้ นอกจากจะกินเพื่อปะทังชีวิตแล้วยังต้องนำอาหารกลับไปที่รังของมันเพื่อเลี้ยงดูลูกๆในถ้ำอีกด้วย และในถ้ำนั้นใหญ่มากพอที่พวกแมมมอธจะมาอาศัยอยู่ด้วย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยอื่นๆที่เข้ามาพักหลบลมหนาว ตั้งแต่อดีตมาเนิ่นนานแล้ว
ต่อมาแผ่นดินและทวีปเริ่มเปลี่ยนไป อากาศเริ่มจะร้อนขึ้น ผืนน้ำทะเลมากขึ้นและรุกล้ำเข้ามาในเขตที่ราบ สัตว์เล็กๆเริ่มย้ายถิ่นฐาน แมมมอธก็เช่นกันมันไม่สามารถอาศัยที่นี่และกินน้ำเค็มอยู่ได้ พวกมันเตือนพวกเสือถึงภัยทะเลที่กำลังจะมาถึง แมมมอธชวนเสือให้ย้ายถิ่นฐาน แต่ไม่เป็นผล เสือเขี้ยวโง้งไม่เชื่อคำลือต่างๆ "ที่นี่ยังปลอดภัยดีอยู่ เรามีเพนกวินฮัมโบลต์และปลาทะเลมากมาย ทำไมเราจะต้องย้ายด้วย" เสือมั่นใจในความปลอดภัยและแข็งแรงของถ้ำ ต่อมาเมื่ออุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น น้ำทะเลหนุนสูง แมมมอธจึงบอกลาเสือ เพื่อเตรียมการย้ายถิ่นฐานไปที่แห่งใหม่
เมื่อแผ่นดินโลกเปลี่ยนแปลง น้ำเริ่มหนุนสูงขึ้น สัตว์น้อยใหญ่จึงตื่นตระหนกพากันวิ่งหนีจ้าละหวั่น พวกเสือวิ่งหลบเข้าไปในถ้ำเฝ้ามองพวกสัตว์ที่แตกตื่นและนึกขำ ไม่ใส่ใจกับเหตุการณ์ต่างๆเลย แม้แต่หมีที่ว่ายน้ำได้เก่งกว่าพวกมันก็เริ่มจะหายไป ไม่เห็นมาแย่งกันล่าเหมือนกับแต่ก่อน พวกมันได้ใจนึกว่าเป็นผู้ปกครองที่นี่แล้ว "เมื่อไม่มีช้างและหมีพวกข้าก็เป็นใหญ่"
จนกระทั่งวันหนึ่งมาถึงคราวเคราะห์ จู่จู่คลื่นยักษ์จากมหาสมุทรลูกใหญ่ก็ถาโถมเข้าใส่ พวกมันหลบเข้าไปในถ้ำ แต่ครั้งนี้ไม่เป็นผล คลื่นน้ำขนาดใหญ่ไหลท้่วมถ้ำ หินยอกหินย้อยก็ถูกถล่มร่วงลงมาจนทำให้เหล่าเสือบาดเจ็บ ไม่นานนักน้ำทะเลก็ท่วมมิดแอ่งถ้ำที่พวกเสืออาศัย ถ้าที่เคยแข็งแรง เพดานก็ทรุดลงมาเรื่อยๆ จนเป็นหลุมขนาดใหญ่ พื้นก็ทรุดจนกลายเป็น บลูโฮล ในที่สุด
การเกิดหลุมยักษ์
โดยคาดว่าแรกเริ่มเดิมทีมันเคยเป็นถ้ำหิน Limestone มาก่อน สันนิษฐานกันว่ามันก่อตัวขึ้นในยุคน้ำแข็ง อันเป็นช่วงเวลาที่น้ำทะเลเพิ่มขึ้นสูงจนแผ่นดินในเวลานั้นจมอยู่ใต้ทะเล เพดานถ้ำโดนน้ำเซาะจนพังทลาย และยุบตัวซ้ำๆ จนกลายเป็นหลุมกลวงโบ๋อย่างที่เห็นในปัจจุบัน โดยความลึกของมันจะอยู่ที่ 100-124 เมตร จุดที่นักประดาน้ำชอบลงไปสำรวจอยู่ราวๆ 130ฟุต(40 เมตร ) ด้วยความลึกระดับนี้ มีนักประดาน้ำไปดำน้ำที่นี่เป็นจำนวนมาก และก็ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ไม่น้อย อย่างไรก็ดีมันไม่อาจทำให้นักดำน้ำที่ชอบความท้าทายหวาดกลัวแต่อย่างใด ยังมีนักดำน้ำจากทั่วโลกเดินทางมากันไม่ขาดสาย แถมติดอันดับ 1 ใน 7 หลุมที่น่าดำน้ำมากที่สุดในโลกอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น