Funny game for your mobile

ตำนานเขาหงอนนาค จ.กระบี่

    เขาหงอนนาค เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใน เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ตำบลหนองทะเล อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ที่นี่มีธรรมชาติน่าค้นหา สายผจญภัยในป่าต้องชอบ เพราะการได้ไปชมวิวบนเขาที่อุดมสมบูรณ์ ถือเป็นจุดหมายใหญ่ของนักท่องเที่ยว โดยเส้นทางขึ้นไปถึง จุดชมวิวหงอนนาค นั้นจะมีระยะทางประมาณ 3.7 กิโลเมตรโดยประมาณค่ะ โดยเส้นทางเดินจะเป็นทางขึ้นเขาแบบสบายๆสลับกับเนินต่างๆ โดยจะมีจุดท่องเที่ยวระหว่างทางมากกว่า 13 จุดด้วยกันค่ะ  

ชะง่อนผา เขาหงอนนาค

ซึ่งใน 13 จุดนั้นมีทั้ง   น้ำตก ผา หิน บ่อน้ำ อีกทั้งยังมีน้ำตกอัศจรรย์ที่มีความแปลกก็คือ น้ำตกจะลงมาแล้วหายลงไปในดินเลย ไม่มีลำธารใดๆ ด้วย ชาวบ้านเลยนำลำข้าวมาโรยลงที่น้ำตก แล้วพบว่ารำข้าวไปลอยอยู่ด้านล่างของเขาที่มีน้ำผุดออกมา โดยชาวบ้านจะเรียกกันว่า สะดือนาค ส่วนยอดเขานั้นเองก็มี บ่อน้ำสุดอัศจรรย์ที่ผุดขึ้นจากบนยอด และเป็นน้ำที่ไม่มีวันแห้ง ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือมาก เชื่อกันว่าเมื่อนำจากบ่อน้ำไปให้ผู้ที่ไม่สบายดื่ม จะหายป่วยได้ นอกจากนั้นจุดสูงสุดบนยอดเขา ยังเต็มไปด้วยจุดระทึกอีกมาก เช่นชะง่อนผา เขาหงอนนาคเป็นต้น


ตำนานเขาหงอนนาค จุดกำเนิดน้ำตาพญานาค

            กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีครอบครัวตายายคู่หนึ่ง  ตาลุงชื่อ “ตายมดึง” อาศัยอยู่ด้วยกันที่ริมทะเล ทั้งสองอยู่ด้วยกันมาหลายปีก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีลูกเหมือนครอบครัวอื่นๆเขา เกรงว่ายามแก่เฒ่าจะลำบากยิ่งนัก จึงไปบนบานขอลูกจากพญานาคบนเขา และให้สัญญาว่าเมื่อพวกเขาได้ลูก ถ้าลูกโตขึ้นเป็นสาวจะต้องยกให้เป็นเมียพญานาค หลังจากกลับที่พักแล้ว ต่อมาไม่นานครอบครัวตายายก็ได้ให้กำเนิดลูกสาวน่ารัก 1 คน พวกเขาได้ตั้งชื่อเด็กหญิงว่า “ลูกนาง” 
        เมื่อเด็กหญิงโตขึ้นจนเริ่มเป็นสาว เธอเกิดรักใคร่ชอบพอกับหนุ่มน้อยรูปงามแถวหมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งเป็นลูกตาวาปราบ  มีลูกชายชื่อ ”บุญ” ในที่สุดครอบครัวตายมดึง และครอบครัวตาวาปราบ จึงจำเป็นต้องจัดงานแต่งงานให้ ลูกนางและบุญ ทั้งๆที่ไม่เต็มใจนัก 
        พญานาคพอได้ทราบว่าของของตนจะถูกแย่งชิงไป พอได้ทราบข่าวก็โกรธแค้นที่ครอบครัวตายมดึงไม่รักษาคำพูดแทนที่จะเอาลูกสาวของตนมายกให้ตามที่บนบานเอาไว้ ครั้นเมื่อวันแต่งงานมาถึง พญานาคจึงจำแลงกายเป็นมนุษย์เข้าไปในงานเลี้ยงพิธี เข้าแย่งชิงตัวนาง เกิดการโกลาหลจากผู้บุกรุกที่บ้าคลั่ง การต่อสู้ระหว่างมนุษย์ที่มีเวทย์มนตร์คาถากับพญานาคผู้มีฤทธิ์ก่อให้เกิดความเสียหายไปทั่ว และดูเหมือนจะไม่มีใครยอมใคร อีกฝ่ายก็อ้างว่า ลูกนางเป็นของตนส่วนอีกฝ่ายก็อ้างว่าผู้หญิงได้เป็นคนในครอบครัวของเขาแล้ว             ทั้งสองต่างร่ายเวทย์สู้กันอย่างดุเดือด ต่างฝ่ายต่างบาดเจ็บ แต่ก็ไม่มีใครยอมแพ้ การต่อสู้ผ่านไป ข้ามวัน ข้ามคืน จนพ่อลูกพญานาคกับพวก ต่างพาไพร่พลมาตีกับพวกของ ฝ่ายตาวาปราบ จนยืดเยื้อยาวเนิ่นนานข้ามปี การต่อสู้ทุกครั้งทำให้รอบข้างปั่นป่วน เกิดฟ้าฝนพายุกระหน่ำ ทุกครั้งที่ทั้งสองต่อสู้กัน  ชาวบ้านละแวกนั้นต่างเดือดร้อนทำมาหากินไม่ได้  หลับไม่ลงเพราะต่างก็หวาดผวาไม่เป็นอันทำมาหากิน เดือดร้อนไปทั่ว
        ต่อมาฤาษีซึ่งบำเพ็ญตบะอยู่ ก็เดือดร้อนเพราะผลจากการสู้รบจนบำเพ็ญตบะไม่ได้ สุดท้ายได้ออกมาห้ามปรามแต่เมื่อไม่มีใครฟัง สุดท้ายฤาษีจึงได้ร่ายคาถา สาปทุกอย่างให้กลายเป็นหินเพื่อยุติความวุ่นวายทั้งหมด แม้แต่เรือนหอก็ถูกทำให้เป็นหินไปด้วย กลายเป็น “ถ้ำพระนาง” อุปกรณ์งานแต่งกลายเป็นของต้องสาป ข้าวเหนียวกวนขันหมากกลายเป็น “สุสานหอย” ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆกลายเป็น “เกาะหม้อ” “เกาะทัพ” และเกาะอื่นๆในเขตใกล้เคียงตำบลหนองทะเล 
        แม้แต่พญานาคคนลูกผู้มีฤทธ์ก็ถูกสาปกลายเป็นหิน “เขาหงอนนาค”และ “แหลมหางนาค”   และบนเขาหงอนนาคนี้เอง มีบ่อน้ำแห่งหนึ่งชื่อว่า “บ่อน้ำตานาค” 
บ่อน้ำตานาค

เป็นบ่อๆน้ำเล็กๆที่มีน้ำใสไหลตลอดทั้งปี ชาวบ้านเชื่อว่าเมื่อได้อธิษฐานขอพรจากโต๊ะนาคพร้อมดื่มน้ำนี้ จะได้สมปรารถนาในสิ่งที่ขอและถือเป็นสิริมงคลของชีวิต ส่วนพญานาคผู้เป็นพ่อโดนตัดหงอนขาดกระเด็นมาตกกลางหมู่บ้าน จนมาเป็นชื่อหมู่บ้าน “เขากลม” 


        ส่วนจุดที่สองที่เกี่ยวข้องกับบ่อน้ำตานาคนั้นคือ “สะดือนาค”ซึ่งเป็นบ่อน้ำเล็กๆและมีน้ำไหลตลอดปีเช่นเดียวกัน 

สะดือนาค

เชื่อกันว่าทั้งน้ำตานาคและสะดือนาค นั้นเป็นน้ำที่มาจากแหล่งเดียวกัน แต่สถานที่ของบ่อน้ำทั้ง 2 นั้นห่างกันมาก ใช้เวลาเดินขึ้นลงประมาณ 4-5 ชั่วโมง โดยมีการเชื่อมต่อตามแนวภูเขาซึ่งเชื่อว่าเป็นลำตัวพญานาคที่ทอดยาวออกไป จากหงอนนาคจนถึงสะดือนาค และแหลมหางนาค อยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 3 ของตำบลหนองทะเล เลือดพญานาค ก็เป็นหมู่บ้าน “ดินแดงน้อย” สถานที่สู้รบก็เป็น “บึงหนองทะเล”ส่วนบริวารของพญานาคและบรรดาเพื่อนๆ ของนายบุญก็กลายเป็นหินเช่นกัน เช่น “เกาะกวาง” “แหลมหมูกควาย” ในปัจจุบัน




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหาบล็อกนี้