Funny game for your mobile

สัตว์ที่ทรงพลังที่สุดในโลก

        ถ้าพูดถึงสัตว์ที่แข็งแรงที่สุดในโลก หลายคนคงคิดว่า ไม่ช้างก็หมีขาว หรือไม่ก็กอริลลา พวกมันแข็งแรงกว่ามนุษย์หลายเท่าจริงๆ ถ้าพบเจอสัตว์พวกนี้ในป่าเป็นอันตรายที่สุด แต่ถ้าเราจะจัดอันดับจากพลังกายที่มันสามารถยกของที่หนักกว่าน้ำหนักตัวเองแล้วได้ สัตว์ป่าพวกนี้ยังไม่แข็งแรงไปกว่ามดเลย แต่จะมีสิ่งที่แข็งแรงกว่านั้น จัดเป็นอันดับต้นๆที่แข็งแรงที่สุดในโลกก็ว่าได้ มาดูกันเลย

1.grizzly bear/1เท่า



        เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ในอันดับสัตว์กินเนื้อ (Carnivora) จัดเป็นชนิดย่อยของหมีสีน้ำตาล หมีกริซลีเป็นหนึ่งในหมีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังคงดำรงเผ่าพันธุ์มาจนถึงปัจจุบัน และถือว่าเป็นสัตว์ในอันดับสัตว์กินเนื้อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วย เมื่อตัวผู้ที่มีขนาดโตเต็มที่อาจมีน้ำหนักได้ถึง 180-980 กิโลกรัม หรือ 1 ตัน และยืนด้วยสองขามีความสูงถึง 2.5 เมตร หรือ 3 เมตร 
หมีกริซลี มีรูปร่างและสีขนทั่วไปเหมือนกับหมีสีน้ำตาลทั่วไป แต่มีความแตกต่างกันตรงที่ หมีกริซลีจะมีขนาดรูปร่างและน้ำหนักใหญ่กว่ามาก มีส่วนจมูกและปากที่ยื่นแหลมออกมา และมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงมากตรงบริเวณระหว่างหัวไหล่ของขาหน้าทั้ง 2 ข้าง ที่ปูดเป็นหนอกขึ้นมา ซึ่งไม่มีในหมีชนิดอื่น ๆ ซึ่งทำให้หมีกริซลีมีพละกำลังในการขุด, ตะปบ, ปีนป่าย และวิ่ง ซึ่งความเร็วในการวิ่งเร็วถึง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีเล็บนิ้วยาวและแข็งแรง แหลมคม ซึ่งมีความยาวพอ ๆ กับนิ้วมือมนุษย์ 
โดยหมีกริซลีนั้นมีความแข็งแรงมาก ด้วยน้ำหนักเฉลี่ย 600 กิโลกรัม มันสามารถลากของที่มีน้ำหนักมากกว่าตัวเองได้ถึง 1200 ปอนด์หรือราวๆ 600 กิโลกรรม น้ำหนัดของที่มันรับได้คือ 1 เท่าของน้ำหนักตัว

วัว

2.Ox/1.5เท่า



        วัวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ใกล้ชิดกับมนุษย์มากที่สุดในกลุ่มเลี้ยงไว้ใช้งาน มันเป็นสัตว์มีกีบเท้าที่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม  วัวถูกเลี้ยงในปศุสัตว์เพื่อเอาเนื้อ เพื่อเอานมและทำผลิตภัณฑ์นมอื่น ๆอย่างหลากหลายและเป็นสัตว์ลากเทียม และยังมีการใช้หนังและมูลเพื่อใช้เป็นปุ๋ยคอกหรือเชื้อเพลิง ในบางประเทศ เช่น อินเดีย และในบ้านเรา วัวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาฮินดู เนื่องด้วยความใหญ่โตและความน่าเกรงขาม มันจึงได้เป็นพาหนะของเทพ แน่นอนว่าความสามารถในการรับน้ำหนักของมันนั้นมากถึง 1.5 เท่า ของน้ำหนักตัว โดยวัวตัวหนึ่งสามารถลากของที่มีน้ำหนัก 2000 ปอนด์หรือ เกือบๆ 1 ตันได้อย่างสบาย

เสือ

3. Tiger/1.5 เท่า



        นักล่าทางราบที่น่ากลัวที่สุด แม้เราจะเห็นว่ามีเสือบางชนิดอย่างเสือดาวที่ปีนต้นไม้เก่ง ชอบล่าสัตว์ตัวเล็กๆบนต้นไม้อย่างลิง หรือกระทั่งกวาง และอิมพาลาขึ้นไปกินบนต้นไม้ หรือลากลูกสิงโตขึ้นไป หรือสายที่ปีนต้นไม้ไม่เก่งอย่างเสือจากัวร์ก็สามารถจับลิงตัวเล็กๆขึ้นไปกินบนต้นไม้ได้ไม่ยากโดยน้ำหนักของเสือเหล่านี้ยกของที่น้ำหนักราวๆ 0.5 เท่าของตัว แต่เสือที่แข็งแรงมากจัดได้ว่ายกของหนักมากกว่าตัวเองได้อย่างการยกวัวที่โตเต็มที่ข้ามรั้วไปกินได้นั้นคือแมวลายอย่างเสือโคร่งนั่นเอง

เสือ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เป็นวงศ์เดียวกับแมวโดยชนิดที่เรียกว่าเสือมักมีขนาดลำตัวค่อนข้างใหญ่กว่า และอาศัยอยู่ภายในป่า ขนาดของลำตัวประมาณ 168 - 227 เซนติเมตรและหนักประมาณ 180 - 245 กิโลกรัม  รูม่านตากลม เป็นสัตว์กินเนื้อกลุ่มหนึ่ง มีลักษณะและรูปร่างรวมทั้งพฤติกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ แตกต่างจากสัตว์ในกลุ่มอื่น หากินเวลากลางคืน มีถิ่นกำเนิดในป่า เสือส่วนใหญ่ยังคงมีความสามารถในการปีนป่ายต้นไม้ ซึ่งยกเว้นเสือชีต้า เสือทุกชนิดมีกรามที่สั้นและแข็งแรง มีเขี้ยว 2 คู่สำหรับกัดเหยื่อ 
    เสือจัดเป็นสัตว์นักล่าที่มีความสง่างามในตัวเอง โดยเฉพาะเสือขนาดใหญ่ที่แลดูน่าเกรงขาม ไม่ว่าจะเป็นเสือโคร่งหรือเสือดาว ผู้ที่พบเห็นเสือในครั้งแรกย่อมเกิดความประทับใจในความสง่างาม แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดความหวาดหวั่นเกรงขามในพละกำลังและอำนาจภายในตัวของพวกมัน เสือจึงได้รับการยกย่องให้เป็นราชาแห่งสัตว์ป่า และเป็นจ้าวแห่งนักล่าอย่างแท้จริง เสือที่ทรงพลังที่สุดอย่างเสือโคร่งสามารถยกของที่หนักกว่าตัวเองได้ 1.5 เท่าของน้ำหนักตัว

ช้าง

4.Elephant/1.7 เท่า



        ช้างเป็นสัตว์บกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ในกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีขาขนาดใหญ่ 4 ขา น้ำหนักมากแต่เวลาเดินไม่ค่อยมีเสียงเนื่องจากอุ้งเท้ามีความอ่อนนุ่ม  การนอนของช้างนั้น โดยธรรมชาติจะนอนตะแคงลำตัวลงกับพื้น และมีการหาวนอนเช่นเดียวกับคน ช้างจะนอนหลับช่วงสั้น ๆ เพียง 3-4 ชั่วโมง ในช่วงเวลา 23.00 น. ถึง 03.00 น. ช้างจะไม่นอนกลางวัน นอกจากมีอาการไม่สบายเท่านั้น 
         ช้างเป็นสัตว์ที่สามารถเลี้ยงได้ ยกเว้นช้างป่าที่เราไม่ควรเข้าไปใกล้ ช้างเอเชียรวมทั้งช้างไทยเป็นสัตว์ที่ฉลาด นอกจากนั้นยังมีความสุภาพ สะอาด ชอบอาบน้ำ มีความจำดี รักเจ้าของ อดทนและจำกลิ่นที่เคยชินได้ สังเกตได้จากพฤติกรรมที่ช้างจะใช้เท้าลองเหยียบเพื่อหยั่งดูว่า พื้นดินบริเวณใดอ่อนทานน้ำหนักตัวไม่ได้ ช้างจะเลี่ยงไม่เหยียบพื้นดินบริเวณนั้น ช้างจะดุร้ายเฉพาะตอนที่ตกมันเท่านั้น ซึ่งจะจำใครไม่ได้แม้แต่คนเลี้ยง นอกจากนั้นรูปร่างใหญ่ยักษ์ของเจ้าช้าง นอกจากบรรทุกน้ำหนักตัวมันเองได้มันยังสามารถยกของได้ราวๆ 600 ปอนด์ หรือยกหมีที่หนัก 300 กิโกกรัมด้วยงวง และลากของที่หนักถึง 2000 ปอนด์หรือ เกือบๆ 1 ตันได้อีกด้วย เฉลี่ยแล้วประมาณ 1.7 เท่าของน้ำหนักตัว

อินทรีมงกุฎ

5.Crown Eagle/1.7 เท่า



    ถ้าพูดถึงอินทรีที่พละกำลังมากที่สุดในโลกต้องยกให้อินทรีฮาร์ปี้ มันทั้งตัวใหญ่และกำลังมาก เฉพาะกรงเล็บของมันนั้นยาวถึง 5 นิ้ว ยาวกว่ากรงเล็บหมีกรีซลีเสียอีก มันล่าแต่สัตว์ใหญ่ๆ และคาบไปกินให้ลูกๆอย่างพวกลิงและสล็อต หรือแม้แต่เม่น และสัตว์ที่มีน้้ำหนักมากกว่ามันประมาณ 3 เท่า อย่างลูกกวาง แต่เมื่อจัดอันดับอินทรีที่ยกน้ำหนักที่มากกว่าตัวมันเองได้มากที่สุดต้องยกให้ "อินทรีมงกุฎ" เพราะมันสามารถจับเหยื่อที่มีน้ำหนักมากกว่าตัวเองได้ถึง 4 กิโลกรัม บินขึ้นฟ้าไปเป็นอาหารในรังของมันและลูกๆ
นกอินทรีสวมมงกุฎเป็นนกอินทรีที่มีขนาดใหญ่มาก มีความยาวตั้งแต่ 80 ถึง 99 ซม. (31 ถึง 39 นิ้ว) ตัวเมียใหญ่กว่าตัวผู้เล็กน้อย เป็นนกอินทรีที่ยังหลงเหลืออยู่ที่ยาวเป็นอันดับห้าของโลก  น้ำหนักเฉลี่ยนั้นประมาณ 3.64 กก. (8.0 ปอนด์)
    นกอินทรีมงกุฎ เป็นอินทรีแอฟาริกาที่ตัวใหญ่ที่สุด ตัวเต็มวัยมีขนค่อนข้างโดดเด่น มงกุฎของมันมีสีเข้มถึงน้ำตาลที่แต่งแต้มด้วยสีรูฟัส มันมีหงอนสองชั้นปลายดำที่โดดเด่นซึ่งเป็นเอกลักษณ์รูปสามเหลี่ยม  ส่วนบนของตัวเต็มวัยเป็นสีเทาอมน้ำตาลดำสลับกับสีน้ำเงิน ลำคอเป็นสีน้ำตาลในขณะที่ท้องและเต้านมมีสีขาวซ้อนทับกันอย่างหนาแน่นด้วยแถบสีดำและรอยปื้นสีครีมหรือสีที่มีรูฟัสเข้มข้น ปีกมีสีขาวที่ฐานกว้างปลายด้วยสีดำและข้ามสองแถบสีดำ หางเป็นสีดำมีแถบสีเทาแกมน้ำตาล ขาของมันมีสีดำตัดกับสีขาว  นกอินทรีที่สวมมงกุฎตัวเต็มวัยมีดวงตาตั้งแต่สีเหลืองไปจนถึงสีขาว มันมีอุ้งเท้าสีเหลืองกรงเล็บสีดำขนาดใหญ่ เป็นตัวอันตรายบนท้องฟ้า เราจะได้เห็นในคลิปการล่าเหยื่อของมันว่า มันล่าโดยไม่สนขนาดของตัวเหยื่อเลย แม้แต่แพะก็สามารถยกลอยขึ้นไปได้ ถ้ามันหิว โดยน้ำหนักที่บันทึกได้มันสามารถยกของที่หนักกว่ามัน 4 เท่า ลอยขึ้นไปบนฟ้าได้ จัดได้ว่าเป็นนกที่แข็งแรงที่สุดเลยก็ว่าได้

กอริลลา

6.Gorilla/10 เท่า



        ลิงกอริลลามีลักษณะทางกายภาพคล้ายคลึงกับมนุษย์แต่เมื่อเทียบกันจริงๆแล้วพวกมันมีพละกำลังที่มหาศาล   เราไม่มีทางสู้แรงมันได้เลยทั้ง ขนาด และลำตัว ความสูงของมัน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ต้นกำเนิด ในปกติแล้วตัวเพศผู้ จะมีขนาดลำตัวใหญ่กว่าเพศเมีย โดยในแต่ละกลุ่ม มักจะมีเพศผู้ที่ตัวใหญ่เป็นพิเศษในกลุ่มนั้น ๆ แตกต่างจากตัวอื่น ๆ ขนาดของกอริลลาเพศผู้ จะมีความสูงอยู่ที่ 1.7 – 1.8 เมตร แต่ถ้านับรวมตัวที่ใหญ่กว่านั้น ซึ่งจะมีส่วนสูงเกิน 1.8 เมตรขึ้นไป ลิงกอริลลาที่ลุ่มตะวันตก  ตัวผู้มีความสูง 1.7 ส่วน
เพศเมียมีส่วนสูงเพียงแค่ 1.5 เมตร เท่านั้น โดยน้ำหนักตัวของเพศผู้อยู่ที่ 169.5 กิโลกรัม และเพศเมีย 71.5 กิโลกรัม ส่วนของลิงกอริลลาตะวันออก จะมีน้ำหนักตัวมากกว่าสายพันธุ์ตะวันตก
โดยตัวผู้จะมีน้ำหนักได้มากถึง 200 กิโลกรัมเลยทีเดียว เนื่องจากมีแขนที่ยาวกว่าลำตัว เวลาเดินไปไหนจึงมักจะดันพื้นเพื่อทรงตัว พวกมันมีมือและแขนที่ทรงพลังมาก ไม่น่าเชื่อว่าตัวเต็มวัยนั้นจะสามารถลากรถเล็ก ถึง2 คันให้เคลื่อนที่ได้ โดยน้ำหนักที่มันรับได้นั้นมีมากถึง 10 เท่าของน้ำหนักตัวมันเลยทีเดียว

มดกัดใบ

7.Leaf-Cutter Ant/50 เท่า



        มาถึงสายพันธ์สัตว์ที่แรงเยอะ ยกของหนักมากกว่าตัวเองได้หลายเท่า นั่นก็คือมด โดยมดทั่วๆไปนั้นสามารถแบกของที่มีน้ำหนักมากกว่าตัวมันเองได้ถึง 10 เท่า แต่ยังมีมดที่แข็งแรงกว่านั้น นั่นคือมดกัดใบ หรือ (Leaf-Cutter Ant) ซึ่งมีด้วยกันราว 47 สายพันธุ์ เป็นสายพันธุ์มดที่สามารถพบได้ทางตอนกลางของทวีปอเมริกา รวมไปถึงบางพื้นที่ในสหรัฐอเมริกา เป็นสายพันธุ์มดที่สามารถยกของที่น้ำหนักมากกว่าตัวมัน 20 เท่าได้

    ขนาดของมดกัดใบตัวขึ้นอยู่กับวรรณะ โดยมีขนาดของหัวตั้งแต่ 1 มิลลิเมตรไปจนถึง 7 มิลลิเมตร พวกมันจะทำรังกันอยู่ใต้ดิน ซึ่งมีขนาดประมาณ 30- 600 ตารางเมตร

    แบ่งวรรณะกันทำหน้าที่คือ วรรณะมดงาน เป็นมดเพศเมียเป็นหมัน ทำหน้าที่หาอาหาร สร้างและซ่อมแซมรัง ปกป้องรังจากศัตรู ดูแลตัวอ่อน และงานอื่น ๆ

ด้วงกว่าง

8.Rhinoceros Beetle/850 เท่า



        เจ้าสัตว์ตัวเล็กอย่างด้วงนี้มีหลากหลายสายพันธ์ย่อยๆอันแบ่งได้เป็น 1500 สปีซีส์ที่แตกต่างกัน ถ้าจำแนกโดยละเอียดอาจมีข้อมูลเป็นหน้าหนังสือทั้งเล่ม แต่ในที่นี้ขอจำกัดแค่ด้วงกว่าง หรือดวงแรดที่บ้านเรามักพบเจอ เมื่อพูดถึงด้วงแรด เรานึกถึงด้วงแรดมะพร้าว ศัตรูตัวฉกาจ ภัยธรรมชาติของยอดอ่อนมะพร้าวและปาลม์น้ำมันที่ชาวสวนรังเกียจ บางพวกชอบกัดกินต้นไม้หรือรากไม้
        พวกด้วงมีหลายขนาดตามแต่สายพันธ์ของมันที่มีชื่อเสียงได้แก่ ด้วงแรดงวงช้าง (Megasoma elephas) atlas (Chalcosoma atlas),ด้วงแรดทั่วไป ด้วงแรดHeecules (Dynastes hercules) ด้วงกว่างญี่ปุ่น ตัวที่ขนาดใหญ่เบิ้มคือด้วงเฮอคิวลิส มันใหญ่ได้ถึง 6 นิ้ว หรือ 15 ซม.และด้วงยักษ์เขายาว ยาวสูงสุด 19 ซม. แต่โชคดีที่มันไม่ทำร้ายมนุษย์ พวกด้วงเป็นสัตว์ปีกแข็งสีน้ำตาลขนาดใหญ่เล็กตามสายพันธ์มีงวงคล้ายนอแรดที่ใช้งัดกันเวลาต่อสู้ เด็กๆชาวญี่ปุ่นมักชอบจับด้วงมาต่อสู้กัน อายุของพวกมันไม่ยืนยาวนัก อายุขัยราวๆ 3-6 เดือนเท่านั้น
    แม้จะเป็นแมลงตัวจิ๋ว แต่พละกำลังของมันนั้นสามารถยกของได้มากกว่าน้ำหนักตัวมันเองถึง 30 เท่าและสามารถลากของที่หนักกว่าตัวเองได้ 850เท่าเลยทีเดียว บางสายพันธ์พบว่ามันยกของหนักแบกขึ้นกว่า 100 ครั้ง โดยไม่เสียความเร็วในการเคลื่อนที่เลย เปรียบเป็นคนก็เหมือนเราลากรถถังไปมาได้เลยทีเดียว

ด้วงมูล

9.Dunk Beatle/1141 เท่า



เจ้าสัตว์จอมพลังที่แข็งแกร่งกว่าด้วงกว่าง ด้วงมูลหรือแมลงกลิ้งอึ เจ้าสัตว์จอมพลังสุดแปลกนี้ มีลักษณะลำตัวแบ่งเป็นส่วนหัว อก และส่วนท้องอย่างชัดเจน บริเวณส่วนหัวจะแบนและบาน กลางหัวและอกมีเขา ตัวเมียเขาจะสั้น ตัวผู้เขายาวคล้ายนอแรด มีปีกสองคู่ ปีกคู่หน้าเป็นแบบปีกแข็งยาวปกคลุมลำตัว ปีกคู่หลังเป็นแบบอ่อนบางใสหรือขาวสำหรับใช้บิน มีพฤติกรรมแปลกๆโดยพวกมันจะใช้ชีวิตและหากินอาหารอยู่บนกองมูลสัตว์ หรือกองอึ และพฤติกรรมของมันนั้นเองกลับเป็นสัตว์ที่มีประโยชน์มาก มันช่วยย่อยสลายมูลสัตว์ ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแมลงที่เป็นพาหะนำโรค พวกมันทำรังโดยการขุดลงไปในดินช่วยพรวนดิน ชาวบ้านนิยมนำตัวอ่อนและตัวเต็มวัยมาประกอบอาหาร โดยไม่สนใจว่ามันกินอะไร

        ด้วงมูลสัตว์ เป็นแมลงปีกแข็งตัวจ้อย โดยอึที่มันกลิ้งนั้นไม่ได้เป็นนิสัยชอบออกกำลังของพวกมัน ถึงแม้มันจะตีลังกาดันของก็ตาม (ที่จริงมันไม่ได้รักสวยรักงามอะไรเลย) หากแต่อึคืออาหารโปรดที่มันชอบ  ด้วงมีขนาดตั้งแต่ 3 – 50 มิลลิเมตร ตัวสีดำ น้ำตาล หรือสีเหลือบมีอยู่ทั้งหมดมากกว่า 5,000 สปีชีส์ บางแห่งบอกว่าอาจถึง 7,000 สปีชีส์ แบ่งย่อยเป็น 3 กลุ่มตามลักษณะสิ่งที่มันทำ

  • กลุ่ม 1 นักกลิ้ง (Roller)โดยจะกลิ้งมูลสัตว์เป็นก้อนกลม เพื่อใช้เป็นอาหารหรือใช้เป็นแหล่งเลี้ยงตัวอ่อน
  • กลุ่ม 2 นักขุดโพรง(Tunnellers) เมื่อมันเจอกองมูลสัตว์มันจะขุดรูลงไปทำโพรงอยู่ใต้กองมูลสัตว์
  • กลุ่ม 3 เป็นพวกที่อาศัยฝังตัว (Dwellers) อยู่ในมูลสัตว์เลยแบบเต็มตัว
    พฤติกรรมของการกลิ้งอึนั้นเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ พวกมันต้องเคลื่อนย้ายสิ่งที่มีน้ำหนักมากกว่าตัวเองมหาศาลและมันมีการขโมยอึของพวกเดียวกัน พวกมันจึงต้องขนของให้ไว โดยกองอึกองเดียวนั้นอาจหนักได้ถึง 250 เท่าของน้ำหนักตัวมันต่อครั้ง โดยน้ำหนักอึที่มันเคลื่อนย้ายได้อาจจะมากสุดกว่า 1141 เท่าของน้ำหนักตัวมันเลยทีเดียว หรือสามารถพูดได้ว่าถ้าเป็นคน พละกำลังนี้สามารถลากรถบัส 2ชั้น ขนาดใหญ่ๆได้

    สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างที่ไม่ใช่เรื่องของกำลัง ก็คือพวกมันสามารถกลิ้งมูลสัตว์ ไปในทิศทางที่แน่นอนและถูกต้องได้ แม้ในคืนที่ไม่มีแสงจันทร์ก็ตาม (เคยเข้าใจว่ามันใช้ดวงจันทร์นำทาง)

    จากงานวิจัยปี 2013 นักวิทยาศาสตร์นำด้วงไปทดลองในท้องฟ้าจำลอง พวกเขาพบว่าสิ่งที่มันใช้นำทางจริงๆ แล้วก็คือ ทางช้างเผือก (milky way) ในการทดลองนักวิทยาศาสตร์ทำหมวกเล็กๆ ติดไว้ที่ด้วงกลุ่มควบคุมเพื่อไม่ให้เห็นดวงดาวปรากฏว่ามันไม่สามารถกลิ้งมูลสัตว์ได้ถูกต้อง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหาบล็อกนี้