Funny game for your mobile

พืชประหลาดหน้าตาสยองเหมือนออกมาจากต่าวดาว



        พืชกินสัตว์ คือพืชที่พัฒนาการมาจากสายพันธ์ที่ต้องอยู่รอดในดินที่มีสารอาหารน้อย หรือดินที่มีสภาพเป็นกรด มันสามารถสร้างเอนไซม์ย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหาร ทั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพลังงานนะ
ส่วนวิธีการที่มันใช้ดักจับสัตว์มี 5 แบบด้วยกันได้แก่ แบบกับดักหลุมพราง แบบตระครุบ หรือสร้างเมือกเหนียวเพื่อจัดการกับแมลงตัวเล็กๆ ทีนี้แอดจะพามาดูพืชแปลกประหลาดที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกในหนัง แต่มีจริงๆในโลก และบางต้นมีกลิ่นที่คนเกลียด แต่มันล่อแมลงให้มาผสมเกสรได้นะจะบอกให้

หม้อข้าวหม้อแกงลิง


        หม้อข้าวหม้อแกงลิง เป็นพืชเถากินแมลงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในบ้านเรา มักขึ้นอยู่รวมกันเป็นกอหนาแน่น หรือเกาะไม้พุ่มขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นไม้เลื้อยไปตามพื้นดินหรือเกี่ยวพันเกาะต้นไม้อื่นมีความยาวได้ถึงประมาณ 5 เมตร มักพบเห็นได้ง่ายในบ้านเราและแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 
ไปจนถึงทางตอนบนของประเทศออสเตรเลีย มี่สายพันธุ์แท้มากกว่า 100 ชนิด โดยเฉพาะในประเทศอินโดนีเซียมีถึง 30 ชนิด



        รูปทรงของลำต้นขึ้นอยู่กับพันธุ์ที่แตกต่างกันไป มีทั้งทรงกระบอกและทรงเหลี่ยม มีขนอ่อนและไม่มีขนอ่อน รวมถึงสีที่แตกต่างกันไป ลักษณะใบเป็นใบเดี่ยวตรง มีตาระหว่างก้านใบและลำต้นเพื่อแตกยอดอ่อนจากเนื้อเยื่อภายในตา ส่วนปลายใบจะเติบโตเป็นหม้อหรือกระเปาะขนาดเล็ก ในหม้อจะมีน้ำเหนียวเพื่อขังแมลงให้ตายและย่อยแมลงเป็นอาหาร ส่วนหม้อที่ใหญ่ตามแต่ ละชนิดนั้น จะสามารถดักเหยื่อที่เป็นสัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็กอย่างกิ้งก่าได้




        หม้อข้าวฯ จะเติบโตได้ดีในช่วงฤดูฝน สภาพแวดล้อมมีความชื้นสูง ทำให้หม้อดักแมลงมีขนาดใหญ่ และสีสันสวยงาม กระเปาะเมื่อยังอ่อนฝาจะปิด จากนั้นเมื่อกระเปาะแก่ฝาจะเปิดสูง กระเปาะมีหลายสี เช่น สีเขียวสีนํ้าตาลอมแดง และสีเขียวปนแดงเรื่อๆ ภายในกระเปาะมีขนป้องกันแมลงที่ตกเข้าไปไม่ให้ออก รวมทั้งที่ผิวกระเปาะยังมีรูเล็กๆจำนวนมากปล่อยน้ำย่อยออกมาขังไว้ในกระเปาะ เพื่อย่อยสลายแมลงเป็นอาหารอีกด้วย


    ดอกบุกยักษ์   ดอกศากศพ

(Corpse plants / Titan Arum)





       “ดอกบุกยักษ์” หรือดอกซากศพ เป็นพันธุ์ไม้หายาก อยู่ในสกุล "บุก" ที่มีความพิเศษเรื่องกลิ่นเหม็นคล้ายซากศพ เมื่อเบ่งบานจะส่งกลิ่นเน่าเหม็นรุนแรงคล้ายกลิ่นซากศพ ซึ่งแต่ละต้นอาจใช้เวลายาวนานกว่า 10 ปี ดอกจึงจะสามารถเบ่งบาน และสามารถบานได้เพียงครั้งเดียวต่อ 1 ช่วงอายุ และจะบานเพียง 72 ชั่วโมงเท่านั้น มีแหล่งกำเนิดเดียวในโลกที่ป่าดิบชื้นล่าง เกาะสุมาตราตอนกลาง ประเทศอินโดนีเซีย 

        ดอกซากศพเป็นพันธุ์พืชใกล้สูญพันธุ์ 
มีความสูงถึง 130 เซนติเมตร ดอกที่เกิดจากการเพาะเลี้ยงบานได้ยากมาก โดยมีบันทึกในรอบ 100 ปีมานี้ ดอกซากศพบานเพียงราว 99 ครั้งเท่านั้น



        ดอกซากศพ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus titanum เป็นพืชในเขตป่าร้อนชื้น ในพืชตระกูล "บัวผุด" (Rafflesia) เป็นดอกไม้เดี่ยวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาณาจักรพืช พบขึ้นอยู่บนเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ( Indonesia )

        ลำพังตัวช่อดอกแทงยอดตั้งขึ้นไปกว่า 3 เมตร ขนาดอันใหญ่โตมหึมานี้เป็นธรรมชาติที่พืชสร้างขึ้นเพื่อปกป้องตัวเองจากสัตว์บางชนิด ขณะเดียวกันกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนที่หึ่งไปทั่ว กลับเย้ายวนแมลงบางชนิดให้มาดูดน้ำหวานและผสมเกสรให้มัน

        กล่าวกันว่ากลิ่นของดอกซากศพคล้ายกับเนื้อเน่าสำหรับคน แต่กลับเป็นกลิ่นหอมยั่วน้ำลายแมลงเต่า ที่ชอบกินของเน่าและแมลงวันให้มาช่วยผสมเกสร กลีบดอกสีแดงเข้มยังช่วยลวงตาให้สัตว์นึกว่าเป็นก้อนเนื้อขนาดใหญ่น่าตอมด้วย




กาบหอยแครง (Venus Flytrap)



        กาบหอยแครง มีถิ่นกำเนิดบริเวณที่ราบชายฝั่งทะเลประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก ทรงพุ่มเตี้ย มีเหง้าลักษณะคล้ายหัว ใบมีสีเขียวและสีแดงฉูดฉาด ใช้ล่อแมลงให้มาติดกับดัก เป็นพืชกินสัตว์ที่ดักจับและย่อยกินเหยื่อที่จับได้ ซึ่งส่วนมากเป็นแมลงและแมง ส่วนกับดักของมันดูคล้ายบานพับ รูปร่างคล้ายปากของสัตว์ประหลาด 2 กลีบ สีเขียวมีขนกระตุ้นบางๆบนพื้นผิวด้านในกับดัก นั่นทำให้มันรับรู้ได้ว่ามีแมลงหรือสิ่งมีชีวิตเข้ามาเกาะ และธรรมชาติของระบบกระตุ้นที่ซับซ้อนนี้ จะทำงานเมื่อมีการกระตุ้นสองครั้ง ครั้งแรกไม่งับ ทำให้ระบบแบบนี้สามารถทำให้มีโอกาสจับได้ว่าเป็นสัตว์ การที่มันมีสิ่งกระตุ้นที่ซับซ้อนนี้ ก็เพื่อป้องกันการสูญเสียพลังงานไปกับการดักจับสิ่งอื่นที่ไม่ใช่อาหาร
        และไม่ใช่ว่ากราบหอยแครงจะดักสัตว์อื่นได้ทุกครั้ง เมื่อฝาปิดไม่สนิท ปิดไม่แน่น ฝาของมันจะค่อยๆเปิดออกมาเองเพื่อคายเจ้าสิ่งที่ติดให้ออกมา ที่เป็นแบบนี้เพราะใบของมัน 1 ใบไม่สามารถปิดได้บ่อยๆ



        กาบหอยแครงจะพบในสิ่งแวดล้อมที่มีเป็นหนองน้ำ หรือทุ่งหญ้าที่เปียกชื้น กาบหอยแครงมีต้นเตี้ย โตช้า ทนไฟได้ดีและการเผาไหม้จากไฟป่าเป็นระยะ ๆ การที่มันต้องกินสัตว์เป็นอาหาร เนื่องจากวิวัฒนาการและการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมของพืชที่มีต้นกำเนิดอยู่ในบริเวณที่ไม่อุดมสมบูรณ์ ขาดแร่ธาตุหลักในดิน จึงไม่เพียงพอสำหรับการเจริญโต ทำให้ต้นไม้กินสัตว์เหล่านี้ต้องมีการชดเชยในส่วนที่ขาดไปเพื่อความอยู่รอด โดยเปลี่ยนแปลงในส่วนของใบให้สามารถล่าเหยื่อที่เป็นสิ่งมีชีวิต เพื่อเพิ่มแร่ธาตุไนโตรเจนให้กับตัวเอง บริเวณใบนี้จะมีเซลล์ที่สามารถสร้างเอนไซม์ย่อยโปรตีนได้หลากหลายชนิด






ปีศาจทะเลทราย ( Welwitschia mirabilis ) 
        พืชเขตร้อนโบราณ ไร้ดอก มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ทะเลทรายทางใต้ของ ประเทศนามิเบีย และแองโกล่า จัดเป็น พืชทะเลทราย ในกลุ่มแคดตัส และมีอายุได้ยาวนานถึง 1,000 ปี มันมีความสามารถในการปรับตัวสูง เพราะสายพันธ์ของมันอยู่ในที่แห้งแล้งได้ แถมมีอายุนับพันปีโดยไม่มีการวิวัฒนาการทางสายพันธ์เลย
        นักวิทยาศาสตร์เรียกมันว่าเป็นหนึ่งใน "ฟอสซิลมีชีวิตคือมันดันมีหน้าตาไปเหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่ขุดเจอในซากฟอสซิล!!?  เพราะว่า  "ปีศาจทะเลทราย" เป็นพืชโบราณที่ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนตัวเองเลยเมื่อเวลาผ่านไปนานแสนนาน ถึงเวลาจะผ่านมานานนับล้านปี และสืบทอดลูกหลานผ่านกาลเวลาอันยาวนานเรื่อยมาเหมือนสิ่งมีชีวิตจำพวกเต่า จระเข้ และแปะก๊วย



        ความแปลกประหลาดนอกจากน้ำตาของมันคล้ายสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวแล้ว  ตลอดชีวิตของมันมี ใบเพียงสองใบ!! โดยใบทั้งสองนี้จะงอกออกมาตั้งแต่มันยังเล็กๆ และจะยาวออกมาเรื่อยๆพร้อมแผ่ขยายออกตามอายุของมัน ยิ่งโตก็ยิ่งแตกแขนงออกจนดูรุ่งริ่งๆอย่างที่เห็น


        เคล็ดลับที่มันสามารถอยู่บนพื้นที่แห้งแล้งได้ส่วนหนึ่งก็คือการที่ต้นเวลวิชเชียมีรากที่ยาวมากและอาจชอนไชลึกลงไปได้ถึง 30 เมตร เพื่อลงไปหาแหล่งน้ำใต้ทะเลทราย นอกจากนั้นใบของมันมีความสามารถในการดูดซับน้ำค้างในตอนกลางคืนได้มากกว่าพืชทั่วไป


เห็ดฟันเลือด (Hydnellum Peckii)


        Hydnellum Peckii เป็นเชื้อราชนิดพิเศษที่ผลิตเลือดหรือน้ำสีแดงแปลกๆออกมาดูคล้ายเห็ดนี้มีพิษ หรือติดเชื้อซอมบี้อะไรแบบนั้น พืชชนิดนี้จึงได้ฉายาว่า "เชื้อราเลือด" จากสีของมัน พืชชนิดนี้พบได้ในอเมริกาเหนือและยุโรป โดยปกติพืชหรือสัตว์ที่มีสีสันแปลกๆ เวลากินเข้าไปไม่ตายก็เกือบขิต แต่เจ้านี่กินได้เฉยแต่ไม่อร่อย(ไม่รู้ใครลองเป็นคนแรก บางทีถ้าเอาไปทำจับฉ่ายอาจจะอร่อยก็ได้ ใครจะรู้)
        เห็ดฟันเลือดมักพบตามพื้น โคนต้นสน โดยเจ้าเห็ดชนิดนี้มันมีเส้นใยที่จะดูดซับอาหารได้และตรึงพวกธาตุคาร์บอนให้อยู่ติดกับรากพืช เส้นใยใต้ดินของเห็ดจะเข้าไปในเนื้อเยื่อรอบๆรากพืชที่มันเกาะอาศัยอยู่ การอาศัยอยู่ร่วมกับรากพืชนี้กลับทำประโยชน์ให้แก่พืชนั้น ทำให้พืชดูดซึมอาหารได้ง่ายขึ้น



        นอกจากนั้นเห็ดนี้ยังมีคุณสมบัติที่ดีต่อการสลายลิ่มเลือดเป็นยาได้อีก!! เห็ดฟันเลือด สามารถใช้สกัดสาร Atromentin ซึ่งมีประสิทธิภาพสารกันเลือดแข็ง ไม่ให้เกิดลิ่มเลือด สำหรับรักษาคนที่มีโรคลิ่มเลือดอุดตัน  โดยโรคลิ่มเลือดอุดตันนี้ เป็นอันตรายต่อสมองอาจทำให้เกิดอัมพาต และสาร Atromentin ยังมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย ยับยั้งเอนไซม์ แถมยังมีประโยชน์ด้านการสังเคราะห์กรดไขมันในแบคทีเรียอีกด้วย


บัวผุด หรือ บัวตูม  (ย่านไก่ต้ม) 
Rafflesia Arnoldii


        จากสภาพของมันที่ดูประหลาดเหมือนสัตว์กลายพันธ์ จัดเป็นกาฝากชนิดหนึ่ง มันโตอยู่บนรากของพืชเถา ชาวบ้านเรียก "ย่านไก่ต้ม" ดอก บัวผุดจะกินอาหารด้วยการดูดกินน้ำเลี้ยง จากรากและลำต้นที่มันเกาะอยู่ ชาวบ้านเรียกย่านไก่ต้ม โดยมันจะเป็นกาฝากที่ไม่ทำลายต้นแม่ ตัวดอกมีกลิ่นเหม็น
        ดอกพันธุ์นี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ย่านไก่ต้ม บางพื้นที่เรียกมันว่า บัวผุด หรือ บัวตูม มักพบได้ในป่าภาคใต้ และพบได้มากที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี เราสามารถพบเห็นมันได้ตามพื้นป่าที่มีความชื้นสูงมาก มันจะเติบโตเต็มที่ในช่วงเดือน พฤษภาคมถึงเดือนธันวาคม ยิ่งช่วงไหนฝน
ตกชุกมันยิ่งเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี
        บัวผุดมีความเปราะบาง มันขึ้นตามพื้นดิน เมื่อดอกอ่อน ผู้ชมอุทยานมักจะเผลอไปเหยียบเถาได้ง่ายๆ ทำให้ดอกตาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหาบล็อกนี้